11 เกม Steam ที่ซื้อมาแล้วได้ 25 เกม ปี 2025

หลังจากปี 2024 ทำสถิติจำนวนเกมสูงสุดตั้งแต่เขียนเอ็นทรี่ "xx เกม Steam ที่ซื้อมา... ปี xxxx " มาเลย มาปีนี้มันก็ดัน 11 เกมเท่ากันซะงั้นน่ะ เพื่อเป็นการข่มปีที่แล้ว จึงนับรวมเกมย่อยในพวกที่เป็น Collection ซะเลย ถึงจะไม่ดีกับปีก่อน ๆ ที่มีเกมที่มาเป็น Collection เหมือนกันแต่ไม่ได้นับแยก แต่มันนับแล้วได้ 25 เกม แล้วก็เป็นปี 2025 พอดีด้วย ก็เอางี้แหละ 😄

ปกคราวนี้ก็เช่นเดียวกับเอ็นทรี่ Firefox ก่อนหน้า ที่เริ่มใช้โปรแกรม Affinity แทน Paint.net ที่ใช้มาทั้งชีวิต (ยกเว้นปกที่ไม่มีภาพบิตแมปอยู่ จะใช้ Inkscape) ด้วยความที่ยังเพิ่งหัดใช้ พวกฟิลต้งฟิลเตอร์ยังปรับมาไม่ได้ดั่งใจ ก็เลยไม่ใส่มันซะเลย ดังนั้นปีนี้จึงโชว์ภาพเกมทั้ง 11 แบบดิบ ๆ ไม่มีเปลี่ยนสี ไม่มีเบลอ  เออ มันดูมืออาชีพกว่าตั้งเยอะ ไอ้แบบปีก่อน ๆ มันเหมือนพวกเห่อฟิลเตอร์ชัด ๆ (จริง ๆ ของปีนี้ก็อยากจะเปลี่ยนรูปเป็นสีโมโนโทน แต่หาวิธีไม่เจอ 😀) ซึ่งถึงจะเห็นชัด ๆ แต่มันก็พอเอาไปทำเกมทายว่าภาพนี้มาจากเกมอะไรได้อยู่ 😄

และก็เหมือนทุกปี ไม่สนใจเกมเก่าเกมใหม่ เรียงลำดับตามที่ซื้อมา ไม่มีการให้คะแนน พิจารณาความดีงามจากที่เขียนไว้เอาเอง และปีนี้ก็ไม่แปะลิ้งค์ไปร้านค่า สมัยนี้แล้วค้นหาง่ายจะตาย เอาชื่อไปหาเล้ย ผมก็อปชื่อจากหน้าร้านค้ามาแบบเป๊ะ ๆ 😊



----------------------------------------------------------

1. DOOM (2016)

----------------------------------------------------------

หลังจากปีก่อน ๆ มีคนมาลิงโลดคอมเมนต์ว่า ยินดีต้อนรับสู่ FPS บ้าง ปีแห่ง FPS บ้าง ปีนี้มันจะจบลงที่นี่แหละ 😀 ตอนนั้นจำได้ว่าเทศกาล Winter Sale ผมไม่มีไอเดียเลยว่าจะซื้อเกมอะไร เพราะเกมที่ซื้อก่อนหน้านั้นมันอิ่มสุด ๆ แล้ว (แล้วยิ่งมาเขียนเอ็นทรี่สรุปเกมที่ซื้อประจำปีก่อนซื้อ มันยิ่งรู้สึกว่า ไอ้เกมที่ซื้อ ๆ มามันก็เจ๋งอยู่แล้วนี่หว่า แล้วยังไม่มีเวลาเล่นเลยด้วย 😄) แล้วตอนนั้นไม่รู้คิดยังไง ผมเอา Demo เกม Doom 2016 นี่มาเล่นอีกรอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเล่นจนจบเลย จึงตั้งเป้าว่าถ้าคราวนี้เล่นจบได้จะซื้อละกัน.. แล้วก็ดันจบจริงซะงั้น

สำหรับ Doom ฉบับปี 2016 นี่ แม้จะตื่นตาตื่นใจกับกราฟิกและระบบปีนป่าย (แค่เกาะขอบแล้วปีนขึ้นไปนี่แหละ) แต่ผมไม่ชอบระบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมภาคนี้ ซึ่งก็คือระบบ Glory Kill เลย มันเป็นระบบที่พอเรายิงศัตรูจนตัวเรืองแสงแล้ว จะสามารถเข้าไปประชิดแล้วกดปุ่ม Glory Kill เพื่อชกศัตรูให้เป็นเศษเนื้อ ควักนั่นยัดนี่ รวมทั้งการฉีกถุงเลย์ 😃  คือตอนแรกผมมองว่าระบบนี้เป็นการบังคับเพิ่มสเต็ปการโจมตี แบบเดียวกับใน Mighty No.9 (ที่ยิงแล้วต้องแดชชนอีกที) แต่จริง ๆ เขาไม่บังคับครับ จะยิงอย่างเดียวก็ได้ แต่คนที่เสียผลประโยชน์ก็คือเราเอง เพราะการทำ Glory Kill นอกจากจะประหยัดกระสุนได้ส่วนหนึ่งแล้ว มันยังทำให้ศัตรูดร็อปพลังชีวิตให้เราด้วย ยิ่งทำก็ยิ่งลุยต่อได้นานยิ่งขึ้น กลายเป็นต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนหาทางทำ Glory Kill ไปเลย (ส่วนกระสุน ก็สามารถทำให้ดร็อปได้เหมือนกันด้วยเลื่อนยนต์) 

แม้จะมีระบบใหม่มากมาย แต่สุดท้ายเกมนี้ก็ยังเป็นเกม Doom แบบที่เรารู้จัก ใช่ เกมที่ชอบจำว่ามันเป็นเกมเดินหน้ายิงไม่ต้องคิดอะไร แต่จริง ๆ มันคือโคตรพัซเซิลหาทางไปต่อ คีย์การ์ดต่าง ๆ กลับมาครบ เพิ่มเติมคือ กระโดดได้ (2 ชั้นด้วย) เกาะขอบแล้วปีนขึ้นไปก็ได้  และเกมยังมีใบ้ให้เรานิด ๆ ด้วยการติดไฟสีเขียวตามที่ต่าง ๆ ว่าตรงนี้ปีนได้นะ ตรงนี้ไปต่อได้นะ แต่ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจหลงทางก็ได้ แถมบางทีวิธีไปต่อก็ดูบ้าระห่ำไปหน่อย (หรือเราไปผิดวิธีหว่า) สุดท้ายผมก็เล่นไปถึงแค่ตอนที่เพิ่งได้ปืน BFG แล้วไปต่ออีกนิดหน่อย จากนั้นก็โดนไอ้อ้วนในภาพรุมจนตายแล้วตายเล่าจนท้อ แล้วพักไป (บอกไว้ก่อนว่าผมเล่นระดับง่ายสุดแล้ว 😄) สุดท้ายนึกได้ว่าต้องจับภาพมาใช้ตอนเขียนเอ็นทรี่นี้ เลยขุดมาเล่นต่อเพื่อจับภาพ แต่ดันผ่านเฉย แต่เพราะมีเกมอื่นรอจ่อใช้พื้นที่แทนแล้ว ก็เลยไม่ไปต่อนะ 

สรุป: ถ้าคุณชอบเกม Doom และเล่นได้สบาย ๆ ในระดับความยากที่สูงกว่าระดับง่ายสุด ก็เป็นเกมที่เหมาะกับคุณ (เอาจริง ๆ ถ้าชอบเกม Doom จริง ก็ซื้อไปนานจนเลยไปอีก 2 ภาคแล้วป่ะ 😄) 



----------------------------------------------------------

2. MONSTER HUNTER RISE

----------------------------------------------------------

เดิมทีเกม Monster Hunter เป็นเกมที่อยากลองเล่นสักครั้ง แต่นอกจากติดเรื่องสเป็คเครื่องตอนนั้นไม่พอแล้ว ยังติดเรื่องที่ว่าเกมนี้ไม่เหมาะกับการเล่นคนเดียว (เพราะจะยาก) และต้องใช้เวลามาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป สเป็คไหวแล้ว และพอหาคลิปดูก็มีคนเล่นโซโล่จนจบทั้งเกมให้เห็นมากมาย ส่วนเวลามันก็จำกัดแต่ละมิชชั่นไม่เกิน 50 นาทีอยู่แล้ว (จะเยอะก็เวลาฟาร์มนี่แหละ) ก็เลยคิดว่า อ่ะ ถึงเวลาซะที แต่ก็ติดที่ว่าจะเอาภาค World หรือ Rise ดี ก็รู้มาว่าภาค World ยากกว่า Rise  ดังนั้นถ้าผมซื้อภาค World มาเล่นก่อนแล้วไม่รอด ก็คงซื้อ Rise มาลองอีก แต่ถ้าซื้อ Rise ก่อนแล้วไม่รอด ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อภาค World เลย 😅  ก็เลยตัดสินใจเอาภาค Rise ก่อนนี่แหละ  แล้วถ้าซื้อแบบพ่วง DLC Sunbreak มันจะถูกกว่าไปซื้อ DLC แยกทีหลัง แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะเล่นไปถึง DLC มั้ย ก็เลยเอาเกมเดี่ยว ๆ ก่อน (Sunbreak จะไม่ส่งผลต่อเนื้อหาภาคหลัก ต้องเล่นจบเนื้อหาหลักก่อนถึงจะเข้าถึงส่วน DLC ได้ แต่ Iceborne ของ World จะเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างเข้ามาในภาคหลักด้วย และถึงไม่มีทั้ง 2 DLC นี้ ก็จะมีอาวุธและชุดเกราะเซ็ตพิเศษที่ช่วยให้เล่นง่ายขึ้นเพื่อจะไปถึงเนื้อหา DLC เร็ว ๆ ให้มาในภาคหลักอยู่แล้ว เห็นบางที่บอกว่าต้องซื้อ DLC ถึงจะมี แต่ผมลองแล้ว มีมาให้แม้จะไม่มี DLC นะ)

จุดที่ Rise ต่างจาก World คือ มันกลับมาเป็นเกมที่ดูเป็นเกมจริง ๆ เลือกเควสต์ เข้าด่าน ล่ามอน เก็บของ มอนสเตอร์ก็จะมีการขึ้นวิดีโอแนะนำก่อนทำเควสต์เลย ไม่ได้ขึ้นเป็นคัตซีนแทรกตอนเจอครั้งแรกแบบภาค World ฉากส่วนใหญ่เป็นที่โล่ง ๆ มอนสเตอร์ตัวหลัก ๆ ก็จะขึ้นตำแหน่งโชว์ในแผนที่ ไม่ต้องสะกดรอย แค่วิ่งไปหามัน มันก็จะรออยู่ชิล ๆ เหมือนสัตว์ในสวนสัตว์เปิด ดังนั้นในส่วนของอารมณ์ความอินความน่ากลัว มันจะด้อยกว่าภาค World มาก เราจะรู้สึกแค่ว่า อ่า ก็แค่บอสในเกมอ่ะนะ แล้วเพราะภาคนี้มีหมาช่วย เวลาเราต้องหนีไปตั้งหลัก มันก็หนีได้ไม่ยาก ความน่ากลัวน่าเกรงขามของมอนสเตอร์เลยลดลงอย่างช่วยไม่ได้

ภาคนี้มีเมคคานิคสำคัญคือ Wirebug แมลงที่ช่วยให้เราใช้ใยห้อยโหนกลางอากาศได้โดยไม่ต้องพึ่งตึกสูงแบบใครเขา แล้วยังสามารถใช้เสริมการโจมตีเป็นท่าพิเศษแต่ละอาวุธที่เรียกว่า Silkbind ทำให้การโจมตีในภาคนี้มีความหลากหลายกว่าภาคก่อนหน้ามากมาย รวมถึงยังมีส่วนในการควบคุมมอนสเตอร์ตอนขึ้นขี่มันอีกด้วย (ใช่ ภาคนี้สามารถขึ้นไปขี่มอนสเตอร์แล้วบังคับมันสู้ได้) แต่การมาของ Wirebug ก็ทำให้มีปุ่มที่ต้องจำเพิ่มขึ้นอีก แถมถ้าใช้อาวุธยิงการกดปุ่มเพื่อใช้ Silkbind ก็จะเปลี่ยนไปอีกด้วย เอาให้มึนให้พอ 😅

สรุป: หลายคนบอกว่าเป็นภาคที่แย่ แต่ผมว่ามันแค่มีแนวทางของมัน ยิ่งการขี่หมาวิ่งฟาร์มของนี่โคตรฟิน อาวุธชุดเกราะก็ออกแบบได้สวยกว่าภาค World นะ (แต่มันจะออกไปทางการ์ตูนมากกว่าสมจริง คนชอบสมจริงน่าจะชอบดีไซน์ภาค World มากกว่า) การมี Wirebug ก็ทำให้ท่าการโจมตีต่าง ๆ ดูมีอภินิหาร ดูนินจา แถมยังปรับได้หลากหลาย (ยิ่งมี Sunbreak ยิ่งมีท่าเพิ่มได้อีก) และแม้ดีเทลต่าง ๆ จะไม่ละเอียดเท่าภาค World แต่ภาพมันดูคมชัดมาก ก็จัดเป็นภาคที่หยิบมาเล่นเพลิน ๆ ได้ภาคนึงล่ะนะ ที่สำคัญตัวเกมมีทุกอย่างใส่มาให้หมดแล้ว ไม่ต้องรออีเวนต์ตามเทศกาล ไม่ต้องเปิดมาเอา Login Bonus และก็ไม่มีอัพเดตอะไรเพิ่มแล้วด้วย 😄



----------------------------------------------------------

3. Monster Hunter: World

----------------------------------------------------------

แม้จะบอกว่าถ้าซื้อภาค World มาก่อนแล้วไม่รอดเดี๋ยวจะไปซื้อภาค Rise มาอีก แต่ในทางกลับกัน ถ้าภาค Rise ดันเล่นแล้วรอด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ซื้อภาค World มา แต่เห็นมาต่อกันแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเล่น Rise ปุ๊บจะซื้อ World มาทันที มันจะมีช่วงสุญญากาศที่แคปคอมไม่ลดราคา Monster Hunter เลย เพราะการมาของภาค Wilds (กลัวคนไม่ซื้อภาคใหม่ แห่ไปซื้อภาคเก่าไง) แต่ 3 เดือนผ่านไปก็เริ่มกลับมาลดอีกครั้ง แล้วผมก็พบว่าถ้ามี Rise อยู่แล้วจะซื้อ World ได้ในราคาถูกมาก ๆ (ไม่ถึง 200 บาท) เพราะในหน้าร้านค้าของภาค Rise จะมีบันเดิลขายคู่ภาค Rise + World ซึ่งถ้ามีภาคใดภาคหนึ่งอยู่แล้ว ราคาบันเดิลจะลดลงอีก ก็เลยซื้อมาเลย 😄

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากลองภาค World หลังเล่นภาค Rise ก็คือ... Rise มันท่าเยอะเหลือเกิน จำปุ่มจำคอมโบไม่ไหวแล้ว 😵  แต่พอมา World ก็ใช่ว่าจะสบาย เพราะด้วยความที่มันไม่มีของช่วยอย่าง Wirebug ก็ต้องหัดใช้สภาพแวดล้อมและไอเท็มต่าง ๆ ช่วยแทน ทำให้ต้องเรียนรู้เพิ่มอยู่ดี มอนสเตอร์ในภาคนี้ก็ไม่ได้โผล่ในแมปตั้งแต่ต้น จึงเกิดเป็นเกมเพลย์สะกดรอย ที่เราต้องค่อย ๆ รวบรวมร่องรอยต่าง ๆ เพื่อให้เจอมันง่ายขึ้น และพื้นที่สำรวจแรกก็อย่างโหด เป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนถึงที่สุด มีความสูงต่ำมากมาย ทั้งบนพื้น ดำน้ำ ขึ้นต้นไม้ แล้วสภาพเป็นป่ารกทึบ ทำให้อาจมีมอนตัวโหดโผล่มาจ๊ะเอ๋แบบไม่ทันตั้งตัวได้ตลอดเวลา

และมอนตัวโหดที่เราจะได้เจอช่วงต้นเกมคือ Anjanath หน้าตาคล้าย ๆ ทีเร็กซ์หัวโล้น ที่เกมเปิดตัวมันมาตั้งแต่ฉากอินโทร และมันจะป้วนเปี้ยนอยู่ในป่าตั้งแต่เราทำเควสต์ล่ามอนตัวแรก ๆ พอต้องถึงคิวล่ามันก็จัดว่าโหดเอาเรื่อง ถ้าใครไม่รอดก็ต้องเริ่มหัดฟาร์มอาวุธชุดเกราะกันตรงนี้ ถ้ายังไม่ผ่านก็ถือว่าสอบตกแหละ 😄

ก่อนจะซื้อทั้งภาค Rise และภาคนี้ ผมดูคลิปที่คนอื่นเล่นจำนวนมาก และสิ่งที่แปลกใจคือ ทำไมภาค World ภาพมันไม่ชัด หรือเป็นเพราะเกมมันออกมานานแล้ว ช่วงนั้นเลยสตรีมวิดีโอภาพคม ๆ ไม่ได้?  แล้วพอมาเล่นเองก็พบว่ามันก็ยังรู้สึกเบลอ ๆ อยู่ดี คงเพราะเขาใช้ฟิลเตอร์หรือเชดเดอร์ทำให้ดูเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง พอดูการตั้งค่ากราฟิก มันก็มีการตั้งค่าให้เพิ่มลดคุณภาพแบบไดนามิกเพื่อรักษาเฟรมเรตด้วย ตอนจับภาพหน้าจอหลายครั้งพบว่ามอนสเตอร์ออกมาดูเละ ๆ เป็นตัวอะไรไม่รู้ อาจจะเป็นตรงนี้แหละ 😃 และแม้ภาคนี้จะระบุสเป็คไว้สูงกว่าภาค Rise แต่เวลาโหลดเกมมันเร็วกว่าภาค Rise มาก ๆ น่าจะเพราะใช้คนละเอ็นจินกันแหละ

สรุป: เป็นภาคที่สมจริงกว่า อินกว่า แต่ทำไมเบลอ ๆ ฉากมีความซับซ้อนหลายชั้น การทำธุระต่าง ๆ ในฐานต้องเดินไปเอง (มีลิฟต์ช่วยร่นระยะทาง ถ้ามองออกว่ามันเป็นลิฟต์) ตัวเกมมีความออนไลน์แต่กำเนิด ทุกครั้งที่เล่นต้องตั้งค่าว่าจะให้คนมาร่วมได้กี่คน และรับใครบ้าง (ทุกคนหรือเฉพาะเพื่อน) ยังมีระบบอีเวนต์ตามเทศกาล (แต่คงไม่มีอัพเดตใหม่แล้ว) มีเควสต์จำกัดเวลา มีล็อกอินโบนัส คือนอกจากตัวเกมเองจะใช้เวลามากแล้ว คุณยังต้องเจียดเวลามาทำพวกนี้ประจำเพื่อเอาของดี ๆ อีกนะ น่าจะเป็นเกมที่ดีกว่าถ้ามีเพื่อน



----------------------------------------------------------

4. Capcom Arcade 2nd Stadium: HYPER STREET FIGHTER II - The Anniversary Edition -

----------------------------------------------------------

หลังจากเล่น Street Fighter Alpha 2 กับ 3 ซ้ำไปซ้ำมาร่วมปีกว่า ก็เริ่มรู้สึกว่าอยากกลับไปหาอะไรที่เก่ากว่านั้น คำตอบก็คงหนีไม่พ้น Street Fighter II ซึ่งผมมีเวอร์ชั่นแรกสุดที่มีตัวละครให้เลือกแค่ 8 ตัวอยู่แล้ว แต่ตัวละครมันน้อยไปไง แล้วมันอยู่ใน Capcom Arcade Stadium ภาคแรกด้วย ผมไม่อยากลง CAS ภาคแรกเพื่อเล่นเกมเกมเดียวน่ะ แล้วใน CA2S มันก็มี SF2 อยู่เวอร์ชั่นนึง และมันเป็น SF2 เวอร์ชั่นสุดท้ายที่ลงตู้ Arcade นั่นคือ HYPER STREET FIGHTER II - The Anniversary Edition - (ชื่อยาวฉิบ) นี่เอง

และก็เช่นเดิม ผมมี Rom ภาคนี้เล่นอยู่แล้ว แต่มันยากสุด ๆ ยากแบบไม่ใช่ให้คนเล่น ผมเลยคิดเหมือนตอนภาค Alpha เลยว่า ถ้ามาลง CA2S ที่มีปรับระดับความยาก มันต้องเล่นได้แน่ ๆ  ผมจึงซื้อมา ปรับความยากต่ำสุด แล้วจัดการคู่ต่อสู้ตัวแรกที่เห็น.... แทบทำอะไรมันไม่ได้เลย ก็ลองแล้วลองอีก แล้วก็เจออะไรแปลก ๆ เช่น คอมมันก้มหลบตามจังหวะที่ผมกดปุ่มชกเด๊ะ ๆ  ในที่สุดก็ทุ่มสุดฝีมือชนะตัวแรกได้ แต่ตัวที่ 2 ก็แทบแตะต้องอะไรมันไม่ได้

พอไปหาข้อมูลตามเน็ตดู ก็พบว่ามันยากอย่างงี้ตั้งแต่ในตู้ Arcade แล้ว เหมือนภาคนี้เขาทำมาให้คนชอบความท้าทายเล่นโดยเฉพาะ แต่เป็นความคิดเฉพาะฝั่งอเมริกานะ  เพราะถ้าปรับเกมเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่น (กด Select) ก็จะกลับกลายเป็นเกมที่มีความยากสมดุลทันที  หรือถ้าคุณอยากฝึกฝีมือแบบขอแต้มต่อสักนิดกับ AI สุดโกง ก็ให้ไปโหลด DLC ของ CA2S ที่ชื่อ Invincibility (ฟรี) แล้วมันจะมีตัวเลือกเปิดการทนทานความเสียหายโผล่มา (หน้าเดียวกับที่ให้ปรับระดับความยาก) จากนั้นคุณก็จะไปถึงบอสลับโกคิได้ตามภาพ (หลังจากติดตั้ง DLC Invincibility แล้ว อาจต้องเปิดเกม 2 รอบ เมนูการทนทานความเสียหายถึงจะโผล่มา) 

นอกจากการท้าทายกับคอมสุดโกง (เฉพาะ US) แล้ว ภาคนี้ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ หลังจากเลือกตัวแล้ว ยังเลือกได้อีกว่าจะใช้ตัวละครจาก Street Fighter II เวอร์ชั่นไหน ซึ่งท่าและกราฟิกของตัวละครก็จะเปลี่ยนตามเวอร์ชั่นที่เลือกเลย จุดนี้ถ้าเอามาเล่นกับเพื่อนน่าจะสนุกมาก เช่น ลองใช้ริวเวอร์ชั่นแรกสุดมาสู้กับเวอร์ชั่นล่าสุด อะไรงี้

สรุป: ถ้าอยากลองว่ามันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว (ในยูทูบมีคนบอก เกมมันก็ปกตินี่ พวกที่บอกว่ายากเพราะฝีมือห่วยเอง 😡) ก็ลองเล่นแบบ US แต่ถ้าอยากสู้แบบปกติ ๆ ระลึกความหลังก็เลือกแบบ JP ไป



----------------------------------------------------------

5. Capcom Arcade 2nd Stadium: SUPER GEM FIGHTER - MINI MIX -

----------------------------------------------------------

ยังคงอยู่กับเกมใน CA2S คราวนี้เป็นเกมเดียวที่ซื้อตอน Summer Sale เลย (เพราะกั๊กไว้ซื้อเกมอื่นหลังจากนี้) ก็เป็นเกมที่สมัยก่อนเล่นบ่อย ตอนที่ยังมีคนมาเล่นด้วยน่ะนะ 😅  สำหรับเกมนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องความยากอะไร แค่ซื้อมาชดใช้กรรม และรอวันที่เพื่อนหรือพี่กลับมาเล่นด้วยกัน  ชื่อเกมนี้เวอร์ชั่น US จะยาวดังที่เห็น แต่ชื่อญี่ปุ่นจำสั้น ๆ ง่าย ๆ แค่ Pocket Fighter เท่านั้นเลย ไม่มีอะไรต่อท้าย (เรื่องชื่อนี่ Capcom USA หลายทีแล้วนะ 😅)

ตัวเกมเหมือนการต่อยอดมาจากภาคเรียงเพชร จากที่เรียงเพชรสู้กัน ก็มาต่อยกันตรง ๆ เลย ตัวละครถูกปรับเป็นตัว SD น่ารัก แล้วยังมีตัวละครหญิงเยอะกว่าชายด้วย (ถึงจะมีตัวละครชายเป็นตัวลับอีก 2 ตัว ก็ยังน้อยกว่าอยู่ดี) ปุ่มกดก็ถูกลดเหลือ 3 ปุ่มคือ ต่อย เตะ และปุ่มพิเศษ

ระบบที่เป็นจุดเด่นของเกมนี้คือ การเก็บ Gem สีต่าง ๆ ที่กระเด็นออกมาตอนโจมตีศัตรู หรือออกมาจากหีบเพื่อเพิ่มเลเวลของท่าพิเศษหลัก 3 ท่า (ตามสีของ Gem) และพอท่านั้นเลเวลอัพ เอฟเฟ็กต์เวลาโจมตีก็จะเปลี่ยนไปด้วย  นอกจากนี้ระหว่างสู้จะมีตัวละครลอยมาด้านบน เราสามารถกระโดดสูง (กดลงตามด้วยกดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกดลงค้างนะ) เพื่อโจมตีให้ดร็อปของได้ ก็จะมีทั้ง Gem อาหารฟื้นพลัง และลูกแก้วที่ใช้ขว้างโจมตีได้ (กดเตะและพิเศษพร้อมกัน) เป็นเกมที่เรียนรู้ง่าย แต่ก็ต้องฝึกจังหวะพอสมควร

สรุป: ถ้าจะซื้อสักเกมใน CA2S มาลองเล่นนะ แนะนำเกมนี้ก่อนเลย เล่นไม่เบื่อจริง ๆ ชอบฮาโดเคนริวนี่แหละ พอเลเวลอัพแล้วอลังการมาก 😄



----------------------------------------------------------

6. Capcom Arcade 2nd Stadium: MEGAMAN - THE POWER BATTLE -

----------------------------------------------------------

หลังจากซื้อภาค 2 The Power Fighters ไปก่อนแล้ว ผมก็คิดมาตลอดว่า ภาค 2 ก็พอแล้วมั้ง จะซื้อภาค 1 มาอีกทำไม แต่ก็รู้สึกว่าภาคแรกมันรู้สึกสนุกกว่าภาค 2 นะ สุดท้ายก็ซื้อภาคแรก Power Battle มา แล้วก็พบว่ามันมีจุดที่ดีกว่าภาค 2 จริง อย่างแรกคือ มีบอสหลายตัวที่อยู่ในภาคแรกแต่ไม่อยู่ในภาค 2 แล้วมันก็เป็นตัวที่ผมชอบทั้งนั้น  อย่างที่สอง การโจมตีของบอสยังไม่เวอร์เท่าภาค 2 ทำให้รู้สึกว่ามันสมดุลกว่า ใกล้เคียงกับความเป็นเกมร็อคแมนกว่า และสาม ฉากบางฉากมีลูกเล่นฉากเลื่อนด้วย ซึ่งภาค 2 ไม่มี

ตัวเกมก็เช่นเดิม คือมีแต่สู้บอสอย่างเดียว ไม่มีลุยด่าน โดยจะต้องชนะบอส 6 ตัว แล้วไปสู้กับบอสด่านไวลี่อีก 2 ตัว (รวมไวลี่ด้วย) เกมจะแบ่งบอสให้เลือกสู้เป็น 3 Course ได้แก่ คละบอสภาค 1-2  คละบอสภาค 3-6 และบอสภาค 7 มีตัวละครให้เลือก 3 ตัวคือ ร็อคแมน บลูส์ ฟอร์เต้ เล่นได้พร้อมกัน 2 คน

เกมเหมือนจะยากกว่าภาค 2 นิดหน่อย อาจจะเพราะพลังชีวิตฝั่งเรามีน้อยกว่า แต่การโจมตีของศัตรูหาจังหวะหลบง่ายกว่าภาค 2  บอส 6 ตัวจะปรับความแข็งแกร่งตามลำดับการต่อสู้ ยิ่งสู้เป็นตัวท้าย ๆ ก็จะยิ่งอึดขึ้นและเหมือนจะมีท่าพิเศษเพิ่มด้วย ถ้าชนะบอสก็จะได้อาวุธพิเศษตามฟอร์ม อาวุธพิเศษก็มีประโยชน์ขึ้นนิดหน่อยถ้าใช้กับบอสที่แพ้ทาง แต่ไม่ได้มากเท่าเกมหลักนะ

สรุป: รู้สึกเกมสมดุลกว่าภาค 2 Power Fighters พอสมควร ส่วนนึงมาจากท่าโจมตีของบอสที่กำลังดี ไม่โชว์พาวมาก และการที่ไม่มีไอเท็มช่วยเหลือมาเกะกะแบบภาค 2 ทำให้สู้สนุกกว่ามาก และ Yellow Devil ของภาคนี้ผมว่าออกแบบดีมากเลย  แต่ถึงอย่างไรเกมนี้ก็จัดเป็นเกมที่ง่ายสุด ๆ อาจจะง่ายที่สุดใน Capcom Arcade Stadium เลย ใครอยากปลดล็อค Achievement เคลียร์เกมอะไรก็ได้ที่ระดับความยากสูงสุด เกมนี้ถือว่าเหมาะมาก



----------------------------------------------------------

7. Assassin's Creed Origins

----------------------------------------------------------

ถ้าใครที่สงสัยตั้งแต่ภาพปกว่า จระเข้นั่นมันเกมอะไรหว่า แน่นอนว่าไม่ใช่ Planet Zoo แต่เป็น Assassin's Creed Origins นี่แหละ ผมเลือกภาคนี้เพราะจระเข้นี่เลยนะ 😄

เดิมทีผมกับเกมแนวลอบเร้นถือเป็นเส้นขนานที่ไม่ควรมาบรรจบกัน แต่วันนึงมันเบื่อ ๆ เปิด Ubisoft Connect มา แล้วหาเกมที่เคยรับฟรีในนั้นมาเล่น ก็เลือก Assassin's Creed 3 มา ผลคือ โคตรชอบ แต่ผมชอบความ RPG มากกว่า เลยเล็งอยากเล่นภาค Origins กับ Odyssey ไว้ (ภาคหลังจากนั้นสเป็คเครื่องไม่ไหวแล้ว) ซึ่งจริง ๆ ก็อยากเล่นมานานแล้วละ แต่ตอนเกมออกมาใหม่ ๆ นี่มันจะกินซีพียูหนักมาก ได้ข่าวว่า Core i7 ยังตึง แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว จนมาถึงปัจจุบันที่ Core i3 แรงกว่า Core i7 ตอนนั้นแล้ว ก็ถึงเวลาได้ลองซะที บวกกับช่วงหลัง ๆ มานี่ Ubisoft จะสุ่มลดราคาบางภาคเหลือ 160 บาท แล้วหวยมาลงที่ Origins พอดี (ภาค Odyssey ก็เคย 160 บาทนะ ช่วงปลายปี 2024) 

ผลการเล่นก็พบว่า มันยังคงกินซีพียูหนักอยู่ คือถ้าไม่นับโปรแกรมที่มีการเข้ารหัสวิดีโอ เกมนี้แหละเป็นโปรแกรมที่กินซีพียูหนักสุดในเครื่อง แล้วทำซีพียูผมอุณหภูมิพุ่งไประดับ 90+ องศาเลยทีเดียว ตอนหลังก็เจอวิธีตั้งค่าให้มันลดการใช้แรงซีพียูลง เริ่มจากต้องปรับเป็นโหมด Full screen เท่านั้น อย่าใช้ Borderless window ตั้งล็อค fps ไว้ที่ 60 และสุดท้าย อย่าเปิดโปรแกรมอื่นไว้เบื้องหลัง (เพราะแค่ Steam Client กับ Ubisoft Connect ก็หนักหนาแล้ว) ผลออกมาก็ใช้ได้จริง ซีพียูเหลือแค่ 80+ องศาเท่านั้น

ตัวเกมก็เป็นเรื่องราวในอียิปต์ มีพีรามิดให้ปีนเล่น มีจระเข้ มีฮิปโป มีล่องเรือ มีอูฐ กราฟิกสวยงามสุด ๆ  ด้วยความที่ภาคนี้เป็นเกมแนว RPG เลยต้องรับเควสต์มาทำเรื่อย ๆ เพื่อเก็บ EXP ให้เลเวลอัพเพื่อให้พอสำหรับเนื้อเรื่องช่วงต่อไป (เป็นเหตุให้หลายคนไม่ชอบ เพราะต้องพักเนื้อเรื่องไปรับเควสต์ย่อยเรื่อย ๆ นี่แหละ) ระบบการลอบเร้น ลอบสังหาร ทำได้ดี ไม่ยากเกินไป การต่อสู้ต้องฝึกเรียนรู้จังหวะหลบหลีกให้ดี ซึ่งถ้าเล่นเกมมุมมองบุคคลที่ 3 เกมอื่นมาอาจจะงงปุ่มนิดหน่อย ถ้าเล่นแล้วดองไว้นานอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูปุ่มกด

สรุป: ภาพสวย มีจระเข้ มีแม่น้ำ มีกินแรงเครื่อง  ได้ข่าวว่าภาค Odyssey กินซีพียูน้อยกว่านะ แต่มันไม่มีจระเข้



----------------------------------------------------------

8. THE KING OF FIGHTERS 2002 UNLIMITED MATCH

----------------------------------------------------------

หลังจากไปย้อนความหลังกับ Street Fighter มาหลายภาค ก็รู้สึกว่าอยากย้อนความหลังฝั่ง King of fighters บ้าง ไอ้ที่มีอยู่คือภาค 13 ที่ก็โอเค แต่ตัวละครไม่ค่อยครบ กับ 14 ที่ตัวละครเยอะสะใจ ตัวที่ชอบมากันหมด แต่นั่นแหละมันเป็น 3D แล้วเลยใหม่เกินไป เลยเล็งภาค 2002 UM นี่มานานแล้ว แต่ตอนนี้ใน Steam ก็มีภาค 98 Ultimate Match Final Edtion กับ 97 Global Match ด้วย  97 นี่เก่าไป ก็เลยลังเลระหว่าง 2002 UM กับ 98 UMFE 

สุดท้ายใช้วิธีสุดคลาสสิก คือซื้อมันทั้ง 2 ภาคแหละ โดยจะซื้อภาคนึงมาเล่นก่อนแล้วรีบคืนเงินเอาไปซื้ออีกภาค (ตอนนั้นเก็บเงินซื้อ RAM อยู่ไง แต่ตอนนี้ไม่ซื้อแล้ว ราคาพุ่งไปถึงไหนแล้ว 😄) ผลออกมาว่าภาค 98 นี่มันกำลังดีเลย แต่ตัวละครน้อยเกินไป ส่วน 2002 นั้นความเร็วและการกดท่าต่าง ๆ มันเปลี่ยนไปหมดเลย แต่ตัวละครเยอะจัด ๆ (นอกจากที่เห็นในภาพยังมี "อีกเวอร์ชั่น" ของบางตัวละครให้กดใช้ได้อีก) สุดท้ายก็เลือกเก็บ 2002 ไว้นี่แหละ

เอาจริง ๆ ภาค 2002 นี่ไม่ใช่ KOF ในความทรงจำเลย ถ้าเอาภาคที่ผมว่ากำลังดีน่าจะอยู่แถว ๆ ภาค 99 ยิ่งพอเทียบกับภาค 98 อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปหมดเหมือนคนละเกม ท่าตัวละครบางตัวเปลี่ยนไป แล้วเกมมีความยากพอสมควร อย่างโหมด Survival หรือ Endless ที่ให้สู้เรียงตัวไปเรื่อย ๆ ปกติภาค 13 14 ผมจะเล่นเพลินไปได้เกิน 10 ตัวสบาย ๆ แต่มาภาคนี้นี่ต้องทุ่มสุดตัวถึงจะผ่าน 10 ตัวปลดล็อค Achievement ได้

Tutorial ของเกมมีแค่ตัวหนังสืออธิบายเท่านั้น แม้แต่ไอ้ที่เห็นบ่อย ๆ ที่มาสอนกดปุ่มเบื้องต้นแบบเวอร์ชันเกมตู้ก็ไม่มีนะ เราต้องอ่านและจำอย่างเดียว โหมด Challenge ก็เช่นกัน ต้องอ่านบรีฟก่อนเล่น ไม่งั้นไม่มีอะไรไกด์เลยว่าต้องทำอะไร และเกมไม่มีเนื้อเรื่องที่ตัวละครมาคุยกันเลย แบบเหมือนภาครวมมิตรตัวละครล้วน ๆ ขนาดบอสยังมีหลายตัวเลย

สรุป: เป็นภาคที่ตัวละครเยอะ ท่าเยอะ แล้วกดมั่ว ๆ ท่าไม่ค่อยออกนะ ต้องเปิด Command list ดู (ในเกมมีให้) ก็พบว่าบางตัวละครวิธีกดท่าซับซ้อนสุด ๆ ก็จัดเป็นภาคที่ท้าทาย ทั้งด้านความยาก และความจำ 😄 อ้อ แล้ว KOF ภาคเก่า ๆ นี่ไม่ค่อยลดตอนเทศกาลใหญ่ ๆ นะ ชอบลดเทศกาลเล็ก ๆ แล้วลดบางภาคด้วย เล็งภาคไหนก็ต้องมาตามดูเรื่อย ๆ ว่าลดรึยัง



----------------------------------------------------------

9. Mega Man Battle Network Legacy Collection Vol. 2

----------------------------------------------------------

เดิมทีปีนี้ผมวางแผนไว้ว่าจะซื้อเกม RPG ราคาเกิน 400 สักภาค เหมือนแบบซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองงี้ ซึ่งเกมที่เล็งไว้ก็ Final Fantasy Pixel Remaster สักภาค ไม่ก็ Dragon Quest XI แต่ก็เกิดเหตุพลิกผัน เพราะจู่ ๆ Mega Man Battle Network Legacy Collection ที่เปิดตัวมาราคาแพงกว่า Legacy Collection ทั่วไป และราคาตอนลดมักจะอยู่ที่ 500 กว่า มันก็ลดเหลือ 300 กว่าซะงั้น ตัวเกมออกมา 2 Vol. คือ Vol. 1 ที่รวมภาค 1 2 3 และ Vol. 2 ที่รวมภาค 4 5 6 ถ้าเลือกได้อันเดียว ผมเลือก Vol. 2 โดยไม่ต้องลังเล ไม่ต้องซื้อมาลองแล้วคืนเงิน เพราะ Vol. 2 คุ้มกว่ามาก

ตั้งแต่จำนวนเกม ที่ถึงจะบอกว่ามี 3 ภาค แต่ Vol. 2 จะมีเกมถึง 6 เกม คือภาคละ 2 เวอร์ชั่น และแต่ละเวอร์ชั่นมีความต่างตั้งแต่ตัวละคร Net Navi (ก็คล้าย ๆ บอสร็อคแมนนี่แหละ) ที่เจอ ต่างกันแบบยกชุดเลย (นึกถึงโปเกม่อนที่ต่างภาคหัวหน้ายิมต่างกันสิ แล้วใช้โปเกม่อนคนละธาตุด้วยนะ) แล้วยังรวมถึงการแปลงร่างเปลี่ยนฟอร์มของร็อคแมนที่อิงกับ Net Navi พวกนี้ด้วย แม้แต่เนื้อเรื่องยังเปลี่ยนไปด้วยเลย (แต่โครงหลักเหมือนกัน) ทำให้ Vol. 2 นี่คุ้มสุด ๆ 

ตัวเกมก็เป็นเกม RPG ที่แบ่งออกเป็นโลกจริงกับโลกในอินเทอร์เน็ต โดยในโลกจริงเราจะบังคับเน็ตโตะให้คอยแก้ปริศนาต่าง ๆ ส่วนในเน็ตนี่จะเป็นคิวของร็อคแมน ที่นอกจากจะต้องเจอเส้นทางที่ซับซ้อนกว่าแล้ว ยังมีพัซเซิลที่เวียนหัวกว่า ซ้ำระหว่างแก้ต้องสู้กับไวรัส และต้องปะทะกับ Net Navi ตัวอื่น ๆ อีก  เป็นร็อคแมนภาคนี้มันเหนื่อยจริง 😄

ฉากต่อสู้เป็นแบบเรียลไทม์ที่เคลื่อนไหวได้อิสระบนช่องที่เป็นของฝั่งเรา ซึ่งเริ่มต้นจะมี 9 ช่อง ระหว่างนั้นก็ต้องหลบการโจมตี ยิงสวน และใช้ Battle Chip เพื่อให้จัดการได้ไวขึ้น การที่ตัวร็อคแมนจะเก่งขึ้นได้ ไม่ได้มาจากการสู้บ่อย ๆ แล้วเลเวลอัพ แต่เราต้องชนะเพื่อเอา Battle Chip มาจัด Deck อัพกลยุทธ และเงินไปซื้อของอัพเกรดร็อคแมน เช่น เพิ่ม HP เพิ่มความแรงความรัวของบัสเตอร์ เพิ่มความเร็วในการชาร์จ 

แล้วก็เช่นเคย ที่ Legacy Collection ต้องมีตัวช่วยให้เกมง่ายขึ้น อย่างแรกคือ Buster Max ที่เปิดแล้วบัสเตอร์จะมีพลังโจมตีคูณ 100 (เห็นบางที่บอก + 100% ไม่ใช่นะ แบบนั้นจาก 1 ก็เพิ่มเป็นแค่ 2 สิ 😅) ทำให้แทบจะใช้บัสเตอร์จบเกมได้เลย และยังมีระบบ Patch Card และ Download Chip ซึ่งเป็นระบบที่เคยมีอยู่จริงมาก่อน ก็คือการ์ดที่ต้องใช้เครื่องรูดการ์ดประกอบ ใช้แล้วก็เหมือนเปิดสูตรโกงนั่นแหละ ส่วน Download Chip ก็คือ Battle Chip ที่เคยให้ดาวน์โหลดตามอีเวนต์ต่าง ๆ (คือต้องเอาเครื่อง GBA ไปโหลดในงานน่ะนะ ไม่ได้โหลดผ่านเน็ต) ซึ่งก็เป็น Chip แบบโคตรโกงเลยแหละ

สรุป: จริง ๆ จัดเป็นเกมที่ตกยุคแล้วน่ะนะ Quality of life อะไรก็ยังไม่ค่อยมี ดังนั้นคนที่โตมากับ RPG ยุคใหม่ ๆ มาเจอเข้าอาจจะร้องได้ แนะนำสำหรับคนอยากรำลึกความหลังนี่แหละ  จริง ๆ มีเรื่องตกหล่นอีกเยอะ แต่เดี๋ยวเราไปต่อตรงส่วนของ Vol. 1 😃



----------------------------------------------------------

10. Mega Man Battle Network Legacy Collection Vol. 1

----------------------------------------------------------

ทำไมซื้อ Vol. 2 สุดคุ้มไปแล้ว ยังกลับมาซื้อ Vol. 1 อีก? ก็เพราะมันยังไม่ครบน่ะสิ! ถึง Vol. 2 จะรวมภาคที่เกมเพลย์ดีกว่า แต่ด้านเนื้อเรื่องมันขาด Vol. 1 ไม่ได้จริง ๆ เพราะ 3 ภาคแรกจัดเป็นไตรภาคกำเนิดร็อคแมน.exe (คือมันไม่ได้จบเนื้อเรื่องกำเนิดร็อคแมนที่ภาคแรกนะ มันมาจบที่ภาค 3 นี่แหละ) แม้ระบบต่าง ๆ จะไม่ลงตัว แต่เนื้อเรื่องก็คุ้มค่าที่จะกลับไปสัมผัสอีกครั้ง...  แล้วพอซื้อ Vol. 2 มาแล้ว ราคา Vol. 1 มันก็ลดเหลือ 200 กว่าทันที (ในบันเดิลรวม Vol. 1 + 2) เอาจริง ๆ ถ้าซื้อเบิ้ลแต่ต้นมันก็รวมกันได้ราคาเท่ากันนี่แหละ  โดย Vol. 1 จะได้เกมน้อยกว่าคือ 4 เกมเท่านั้น ได้แก่ภาค 1 2 ที่มีเวอร์ชั่นเดียว และ 3 ที่มี 2 เวอร์ชั่น พอไปรวมกับ Vol. 2 แล้ว ก็จะเป็น 10 เกมเลยทีเดียว

มาดูสิ่งที่ตกหล่นไปจากเมื่อกี้กันบ้าง เรื่องที่ลืมพูดคือ เกมนี้เขาไม่ได้แค่เอาอีมูมารันดื้อ ๆ แต่ปรับปรุงหลายอย่าง เช่นฟอนต์ของข้อความถูกปรับให้ดูคมสุดๆ จากเดิมจะเป็นฟอนต์แบบบิตแมป และเกมยังนำระบบออนไลน์สู้กับผู้เล่นอื่นที่เดิมต้องต่อสายลิ้งค์ GBA กลับมาด้วย (แต่แน่นอน ผมไม่เล่น 😃) พวกคำผิดต่าง ๆ ก็มีการแก้ไขด้วย

จุดที่เป็นปัญหาที่สุดของ MMBNLC (ตัวย่อโคตรยาว) คือตำแหน่งปุ่ม A/B ครับ คือ เดิมเกมนี้ลงให้เครื่องของนินเทนโด ที่ปุ่ม A จะอยู่ฝั่งขวาและ B อยู่ฝั่งซ้าย แล้วพอมาลง PC พี่แกก็ยึดตำแหน่ง A/B ตามตัวอักษรเลย คือ A อยู่ฝั่งซ้าย B อยู่ฝั่งขวา คนที่ชินกับเวอร์ชั่น GBA มาก่อน ก็จะงงปุ่ม แน่นอนเขามีให้ตั้งค่าให้ A ทำหน้าที่เป็น B และ B ทำหน้าที่เป็น A ได้ เท่านี้ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม.. แต่เดี๋ยวก่อน! แม้ในสมองเราจะจำปุ่ม A/B ตามจอยนินเทนโดแล้ว แต่บนหน้าจอในเกมก็ยังขึ้นปุ่ม A/B ตามจอย Xbox อยู่ เช่น เราตั้งสลับแล้วนะ เราจำได้ว่าปุม B กดใช้ชิป แต่บนจอจะบอกว่า กด A เพื่อใช้ชิป ซึ่งมันก็คือปุ่ม B ในความทรงจำเรา แต่ตำแหน่งมันเป็นปุ่ม A บนจอยจริง ยังไม่พอ ไอ้การตั้งปุ่มสลับนี่ยังลามไปถึงเมนูต่าง ๆ ที่อยู่นอกเกมอีก เพราะถึงเราจะตั้ง B ตกลง A ยกเลิก แต่เมนูพวกนั้นจะยังยึดเป็น A ตกลง B ยกเลิกอยู่ เฮ้อ ทำให้หลายคนเวลากดออกจากเกมมันต้องกด 2 ที เพราะจะกดตกลงแล้วไปกดยกเลิกแทน ไม่งงนะ 😃 เอาจริง ๆ ผู้พัฒนาก็คงเห็นปัญหานี้ เขาก็เลยช่วยนิดหน่อยด้วยการเพิ่มตัวเลือกเป็นปุ่ม X/A แทน โดยในเกม X จะเป็นยกเลิกและ A เป็นตกลง ทำให้พอกดเข้าเมนูปุ่ม A ก็ยังเป็นปุ่ม A เหมือนกัน จีเนียสสุด ๆ

สรุป: เอาจริง ๆ ถ้าไม่ได้อยากสะสมให้ครบ ๆ Vol. 1 เป็นอะไรที่ไม่ค่อยอยากเล่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะภาคแรกสุดที่ระบบต่าง ๆ ยังไม่ลงตัว เส้นทางซับซ้อน พัซเซิลโหดสุด ๆ (แนะนำเปิดแผนที่ในเน็ตดูเถอะ) ตัวช่วยไม่ค่อยมี เอาแค่ว่าตอนนี้ฉากที่เราอยู่ชื่ออะไรยังไม่มีบอก มี Buster Max ก็ไม่ช่วย บอกเลย  แต่พอซื้อเกมนี้ ก็ส่งผลให้คอลเลคชั่นเกม Rockman บน Steam ของผมครบทุกภาคจนได้ (ก่อนจะมีภาคใหม่มาในปี 2026 และ 2027) 



----------------------------------------------------------

11. SAMURAI SHODOWN NEOGEO COLLECTION

----------------------------------------------------------

หลังจากเจอ 10 เกมจาก Rockman EXE ไปแล้ว ก็มาเจออีก 7 เกมส่งท้ายกันต่อ รวมแล้วครบ 25 เกมตามหัวเอ็นทรี่แล้ว  โดย 7 เกมที่ว่าก็ประกอบด้วย Samurai Shodown/Spirits ภาค 1 2 3 4 5 5 5 นับแล้วครบ 7 พอดี 😄  คือภาค 5 เขายัดมา 3 เวอร์ชั่นเลย คือ 5 เฉย ๆ  5 Special และ  5 Perfect โดยใน Steam จะมีภาค 5 Special ขายแยกเป็นเกมเดี่ยวอยู่นะ ซึ่งมันต่างจาก 5 Special ในนี้ คือมันเป็นเวอร์ชั่นคอนโซล ทำให้มีพวกโหมด Training อะไรด้วย แต่อันนี้ไม่มีนะ

ผู้ที่ทำหน้าที่พอร์ตมาลง PC ก็คือ Digital Eclipse เจ้าเดียวกับที่ทำ Street Fighter 30th Anniversary Collection ทำให้ระบบอะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายกันมาก คือเป็นการเอาภาคเกมตู้มา การเปิดเข้าโหมดต่าง ๆ จึงไม่มีเมนูให้ในเกม แต่ต้องเข้าทางเมนูของโปรแกรม อะไรงี้ และยังใส่โหมด Museum ที่จะมีไทม์ไลน์เกม Samurai Spirits ภาคต่าง ๆ รวมถึงเกมที่ตัวละครของ Samurai Spirit ไปเป็นแขกรับเชิญด้วย  นอกนั้นก็มีวิดีโอบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนา วิดีโอการแข่งทัวร์นาเมนท์ ให้ดูด้วย ซึ่ง.. วิดีโอพวกนี้ทำให้เกมมีขนาดใหญ่ถึง 10 GB เลย แต่ถ้าอยากได้ที่คืนก็ลบได้ โดยเข้าไปในโฟลเดอร์ที่ติดตั้งเกม แล้วไปที่โฟลเดอร์ "bundle" จากนั้นลบไฟล์ที่ชื่อมีคำว่า "interviews", "timeline" และ "tournament"  แล้วแต่ว่าไม่อยากเก็บอะไรไว้ (เก็บ timeline ไว้ก็ได้ ไม่ใหญ่มาก) ซึ่งลบแล้วเกมก็จะยังเปิดได้ปกติ แต่อย่ากดเข้าไปดูโหมดพวกนั้นละกัน ถ้าอยากได้กลับมาก็กดซ่อมแซมเอานะ

Samurai Spirits เป็นเกมที่ผมรู้จักมันมานานมาก คือตั้งแต่เห็นสูตรลงหนังสือเกม เพื่อนที่ไปเล่นเกมตู้เอามาเล่าให้ฟัง และสุดท้ายได้เล่นเองผ่านอีมูเลเตอร์ แต่หลัก ๆ จะเล่นสู้กันเองกับพี่และเพื่อนมากกว่า ทำให้ไม่มีความทรงจำว่า เกมมันยากโคตร 😄

คือการที่เกมนี้มีการเพิ่มอาวุธมาแทนมือเปล่า มันก็ทำหน้าที่สมเป็นอาวุธจริง ๆ เพราะถ้าใช้ดี ๆ มันจะโจมตีแรงมาก ๆ แบบไม่ต้องพึ่งท่าไม้ตายอะไรเลย ท่าไม้ตายเหมือนเป็นตัวทำให้ศัตรูเสียจังหวะมากกว่า การเล่นหลักจึงไม่ใช่การสแปมท่าไม้ตาย แต่เป็นการชิงจังหวะเข้าไปฟันแรงแบบจัง ๆ มากกว่า และการมีอาวุธทำให้มีระบบเท่ ๆ เช่น ทำให้อาวุธหลุดมือ ทำลายอาวุธ และการรัวปุ่มประลองดาบ  แล้วแต่ละภาคหน้าที่ของปุ่ม ABCD อาจจะเปลี่ยนไป การไปเล่นภาคอื่นจึงต้องปรับตัวพอสมควร และบางภาคตัวละครจะมี 2 สไตล์การต่อสู้ให้เลือก อย่างนาโคลูลูสไตล์ปกติใช้เหยี่ยว พอเป็นอีกสไตล์กลับใช้หมาป่าแทน วิธีกดท่าก็เปลี่ยนอีก จำกันไม่ไหว

สรุป: เกมมีสไตล์ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง ก็เหมาะกับคนที่เคยเล่นมาน่ะนะ แต่เอามาเล่นกับเพื่อนน่าจะสนุกมาก ๆ  หรือจะเลือกซื้อภาค 5 Special ที่แยกออกมาเดี่ยว ๆ ก็ดี แต่ราคาตอนลดก็ไม่ต่างกันมากแหละ (หลักสิบ) อ้อ เกมนี้ก็ไม่ค่อยลดตามเทศกาลใหญ่ ๆ เหมือน KOF ภาคเก่า ๆ นั่นละ ใครรอสอยตอนลดก็ติดตามหน้าร้านค้าดี ๆ 



ส่งท้าย

ก็เป็นปีนึงที่เกมเข้มข้นมาก แต่ดูมันจะหนัก ๆ ไปทางแคปคอมกะ SNK ยังไงไม่รู้  เอาจริง ๆ ของปีนี้มีแต่เกมเล่นนาน ๆ ทั้งนั้น เลยมีพวกไฟท์ติ้งสั้น ๆ แทรกมาเปลี่ยนบรรยากาศค่อนข้างเยอะ คือแค่พวก Monster Hunter กับ Assassin's Creed Origins ก็กินเวลาเยอะมากแล้ว ยังมี Rockman EXE อีก 10 ภาค (แต่จริง ๆ ก็คงไม่เล่นทุกเวอร์ชั่นหรอก อย่างมากคงแค่ 6 ภาค) ที่ตอนนี้ก็เล่นภาค 1 กับ 4 คู่ขนานกันไปอยู่ แต่เอาแค่ภาคเดียวก็เหนื่อยแล้ว ฉากต่อสู้เกมนี้มันพลาดไม่ได้เลย มีตายไม่รู้ตัว

ปีหน้าคงกลับไปเน้น RPG ล่ะมั้ง และคงซื้อน้อยกว่านี้จริง ๆ ซะทีนะ บอกจะซื้อน้อยลงมาหลายปีแล้ว ทำได้ที่ไหน 😄



ของปีก่อน ๆ

    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    RPG Maker MZ สอยดีมั้ย ภาษาไทยปกติรึเปล่า?

    [รีวิวสาย ๆ] Mega Man Legacy Collection 2

    กลเม็ดเคล็ดลับ FarmVille 2 (ตอนที่ 1)

    RPG Maker VX Ace กับภาษาไทย

    RPG Maker MV มีดีอะไร แล้วภาษาไทยล่ะ?

    [ลอง 3 เดือนนิด ๆ แล้วรีวิว] จอย 8BitDo SN30 Pro+

    เล่นแล้วมาเล่า... Torchlight 2 ตัวจริงเต็ม ๆ !!

    เก็บตก RPG Maker MV ฉบับลองใช้จริง.....

    เก็บตก Torchlight 2

    [บันทึก] กิจกรรมฝึกปฏิบัติ มสธ. ภาค 2