11 เกม Steam ที่ซื้อมาเล่นน้อยกว่าเกมกาชา ปี 2024

ปี 2024 เป็นปีที่มีงบจำกัด เพราะวางแผนจะอัพเกรดคอมใหม่ ก็คิดว่าคงไม่ได้ซื้อเกมอะไรเยอะ  แต่ผลออกมาดันเป็นปีที่เลขจำนวนเกมที่ชื่อเอ็นทรี่เยอะที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมาซะงั้น 😅

ที่เป็นแบบนี้หลัก ๆ ก็เพราะพออัพเกรดคอมใหม่ พวกเกมที่เคยมองตาปริบ ๆ ไม่กล้าซื้อเพราะกลัว CPU ไม่พอ ก็ได้รับการปลดล็อค บวกกับอาการตื่นเกม FPS ที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อน ซ้ำปีนี้หลายเกมยังลดถูกที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีก มันก็เลยงอกมาแบบนี้แล 😃

ปีนี้เวลาเขียนไม่มาก ดังนั้นรีบ ๆ ไปเลย ก็เช่นเคย ไม่สนว่าเกมเก่าหรือไม่ เรียงลำดับตามการซื้อมา ไม่มีการให้คะแนน เกมดีไม่ดีถูกใจแค่ไหนคุณสามารถพิจารณาจากสิ่งที่ผมเขียนได้ และเนื่องจากเวลาเขียนน้อย ดังนั้นตอนนี้ผมจะยังไม่แปะทางไปซื้อไว้ใต้เกมแบบที่ผ่านมา (แต่อาจกลับมาแปะเพิ่มในอนาคต) ใครสนใจเกมไหนก็เอาชื่อไปหาใน Steam หรือกูเกิลได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว



----------------------------------------------------------

1. Metro Last Light Redux

----------------------------------------------------------

ปี 2023 ทิ้งท้ายไว้ที่ Metro 2033 Redux และบอกว่าจะซื้อ Last Light Redux ใน Steam อีกแน่ ๆ แม้จะมีใน Epic และ GOG แล้ว ก็นั่นแหละซื้อมาจริง ๆ  แต่น่าเสียดายที่ซื้อมาแล้วก็ไม่ได้เล่นต่อซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ปลายปี 2023 เล่นเวอร์ชันไม่ Redux แบบติดงอมแงมมาก (ตัวการก็เกมอันดับถัดไปนี่แหละ 😅)

สำหรับ Metro Last Light เวอร์ชัน Redux นั้น เกมเพลย์และเนื้อหาไม่ต่างจากเวอร์ชันดั้งเดิมนัก หลัก ๆ แค่ปรับปรุงแสงเงาและเท็กซ์เจอร์เท่านั้น (ต่างจากภาค 2033 ที่ Redux มีการเปลี่ยนหน้าตาตัวละครใหม่ ปรับปรุงเกมเพลย์ แก้ไขเนื้อหาบางฉากใหม่) ทำให้บางคนบอกว่ามี Last Light ตัวเดิมอยู่แล้วไม่ต้องซื้อก็ได้  แต่ผมเล่นเทียบแล้ว เวอร์ชัน Redux ภาพมันสวยกว่าแบบรู้สึกได้จริง แล้วมันดันกินสเป็คน้อยกว่าด้วยนะ 

สรุป ก็ต้องพูดซ้ำกับปีก่อน มันเป็นเกม FPS ที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่องที่ทำมาดีมาก ๆ เล่นแล้วอินแปลก ๆ และเพราะ Metro LL เวอร์ชันเก่าเขาเลิกขายไปแล้ว ก็ไม่ต้องลังเลเลือก Redux ไปเลย ใครชอบ FPS เน้นเนื้อเรื่อง มีศัตรูกรูกันมาเป็นฝูง ๆ ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด เกมนี้แนะนำเลย!




----------------------------------------------------------

2. Tales of Berseria

----------------------------------------------------------

ตอนปี 2023 งัด Tales of Symphonia มาเล่นซะยาว ก็ทนความติดขัดเพราะระบบเกมมันเก่าเกินไปไม่ไหว อยากหา Tales of ภาคอื่นมาเล่นดูบ้าง หลังจากพิจารณาจากตัวเลือกที่เหลืออยู่ 2 ตัว (ไม่มีภาค A กับภาค Z อยู่ในตัวเลือก เพราะมันลดไม่เยอะ 😅) ก็หวยออกที่ภาค B Berseria นี่แหละ เทียบกับภาค Symphonia แล้ว ภาคนี้ทันสมัยกว่ามาก ๆ ทั้งกราฟิกและระบบการเล่น  แม้ตัวละครหลักจะออกมาฉีกแนวจาก Tales of ภาคอื่น ๆ ไม่ได้บรรยากาศ RPG แนวตัวเอกเป็นผู้กล้าที่ออกผจญภัยเพื่อพัฒนาตนเองและกู้โลก (ความรู้สึกคือ ทุกตัวมันดูเทพกันมาแต่ต้นแล้วนี่หว่า 😅) แต่เล่นไปสักพักก็จะชอบตัวละครในเกมนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ฉากต่อสู้ภาคนี้เปลี่ยนจากการกดปุ่มโจมตีพร้อมทิศทางเพื่อออกท่าต่าง ๆ มาเป็นให้ปุ่ม A B X Y เป็นปุ่มโจมตีหมดเลย เราสามารถเซ็ตท่าให้แต่ละปุ่มเป็นคอมโบต่าง ๆ กันได้ และสามารถกดคอมโบข้ามปุ่มได้ (อารมณ์คล้าย ๆ ซีรี่ส์ Neptunia) แต่ก็ไม่ใช่จะรัวปุ่มมั่ว ๆ ได้ เพราะมันจะมีเม็ดฟ้ามาจำกัดอยู่ ถ้าโจมตีไม่ดูแล้วเม็ดฟ้าหมด จะไม่ถึงกับโจมตีไม่ได้ แต่ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก ดังนั้นต้องบริหารเม็ดฟ้านี่ให้ดี นอกนั้นยังมีเทคนิคมากมายที่ต้องจำในการต่อสู้ ตัวละครแต่ละตัวก็มีรูปแบบที่ต้องฝึกให้คุ้นเคยต่างกัน ทำให้ถ้าดองไปนาน ๆ อาจจะงงได้ แล้วเพราะกลัวงงก็เลยพยายามเล่นให้ยาวนานที่สุด จนกลายเป็นเกม (ไม่ฟรี) ที่ชั่วโมงเล่นสูงสุดในปีนี้ แต่นั่นแหละ สุดท้ายก็ดองอยู่ดี 😊

ข้อเสียของเกมนี้คือ บทสนทนาที่มีเสียงพูดจะไม่มีการรอให้เรากดอ่านต่อ มันจะไปต่อเองเลย ทำให้เวลาตัวละครคุยกันยาว ๆ ต้องจ้องหน้าจอตลอดหันไปไหนไม่ได้ ซึ่งอะไรแบบนี้มันควรจะมีแต่ในฉากคัตซีน แต่เกมนี้มีตลอดเวลาที่ตัวละครคุยแบบมีเสียงพูด (หรือผมเผลอไปกด Auto กันนะ?) แล้วจุดนี้ทำให้ผมต้องเลิกเล่นไปก่อน เพราะสภาพแวดล้อมที่มีการขัดจังหวะได้ตลอดเวลา แต่สักวันก็อยากจะเล่นต่อให้จบล่ะนะ




----------------------------------------------------------

3. Quake II

----------------------------------------------------------

เกมนี้เป็นหนึ่งในผลต่อเนื่องจากการบ้าเกม FPS ช่วงปลายปี 2023 ที่ตอนแรกมันเริ่มจาก Half-Life 1 แจกฟรี วกไปเกม Metro หา Doom ภาคดั้งเดิมเล่น ลามไป Quake และสุดท้ายก็ซื้อ Quake II  โดยตอนแรกผมสมัคร PC Game Pass เพื่อไล่ลองทั้ง Doom และ Quake ให้หมดก่อน แล้วก็เจอ Quake II นี่แหละที่เป็นเกมที่ผมแทบไม่รู้จักมันมาก่อน เคยเห็นแค่ภาพในนิตยสารเกมภาพเดียว แต่พอได้ลองเล่นแล้วสนุกเกินคาดมาก ๆ

ตัวเกม Quake II ในตอนที่เขียนอยู่นี้เป็นเวอร์ชันที่ถูกอัพเกรดเมื่อปี 2023 ให้เข้ากับระบบในยุคปัจจุบัน (ทั้ง PC และคอนโซล) กราฟิกแม้ไม่ได้ทำใหม่หมดจนเป็นคนละเกม แต่ก็คมชัดและมีแสงเงาดีขึ้น รองรับ Wide Screen รองรับการเล่นด้วยจอยเต็มรูปแบบ และสามารถแบ่งจอเล่นหลายคนในเครื่องเดียวแบบเกมสมัยก่อนได้ด้วย (แน่นอนว่าถ้าแบ่งจอต้องใช้จอยเล่นทุกคนนะ) ตัวเกมมีการเพิ่มระบบนำทางให้กดใช้เวลาหลงทางได้ โดยจะมีลูกศรเรียงกันเป็นทางขึ้นมาบอกเรา แต่ลูกศรนี้ก็มีพลาดได้ เช่นพวกมิชชั่นที่ต้องทำอะไรหลายขั้นตอน แต่เราดันบังเอิญไปทำอย่างอื่นข้ามขั้น เช่นทำขั้นตอนที่ 1 แล้วข้ามไป 3 มันก็จะชี้ไปขั้นตอน 4 เลยไม่ชี้ไปขั้นที่ 2 ให้นะ

ถ้าใครชอบ Doom เวอร์ชันปี 2016 แต่อยากได้อะไรที่เรียบง่ายกว่า (แบบไม่มีวิ่งไปชกไปฉีกศัตรูอะไรงี้ 😅) ผมว่าเกมนี้ตอบโจทย์เลยนะ ยิงเพลินมากเกมนี้ ศัตรูก็ดุเดือด




----------------------------------------------------------

4. DOOM II DOOM + DOOM II

----------------------------------------------------------

บางคนอาจจะงง ทำไมชื่อมีขีดฆ่า คือ ตอนแรกผมก็ซื้อ Doom II มานั่นแหละ แต่จู่ ๆ เดือนสิงหาคม 2024 เขาก็อัพเกรดเป็น Doom + Doom II ให้เฉย โดยใครมี Doom (classic) หรือ Doom II อยู่อย่างน้อย 1 ภาค ก็จะได้ Doom + Doom II ไปกอดทันที (แล้วตัวเก่าก็ยังอยู่ด้วยนะ) แล้วก็ตามชื่อ มันเป็นการรวมทุกสิ่งทุกอย่างของ Doom ภาคดั้งเดิมและ Doom II เข้าด้วยกันเป็นแพ็คสุดคุ้ม ให้เลือกเล่นได้เลยไม่ต้องซื้อแยกอะไรอีก โดยนี่เป็นความป๋ารอบที่ 2 จากที่ก่อนหน้านี้เคยอัพเกรด Doom เวอร์ชัน Dosbox (มั้ง) ให้เป็นเวอร์ชัน Unity ที่รันบนวินโดวส์ได้โดยตรง พร้อมรวมภาคเสริมที่เคยขายแยกมาให้เสร็จ แต่ยังแยกขายภาคแรกกับภาค 2 อยู่ พอมาป๋ารอบหลังนี่ยังอุตส่าห์รวมทั้ง 2 ภาคอีกรอบ ใครซื้อตั้งแต่สมัยเวอร์ชัน Dosbox นี่ ไม่รู้จะคุ้มไปไหน (มีเพื่อนผมเคยซื้อตอนเป็น Dosbox มาแล้วขอคืนเงินไป เสียดายแทน 😅)

สำหรับเวอร์ชันป๋ารอบ 2 นี้ ก็มีการอัพเกรดอีกขั้นไปใช้ KEX Engine ซึ่งเป็นเอ็นจินเดียวกับ Quake II ที่เพิ่งได้อัพเกรดปี 2023 รองรับการเล่นออนไลน์ข้ามแพลตฟอร์ม มีการเพิ่มเพลงเวอร์ชันใหม่ ปรับปรุงระบบการเซฟใหม่ที่เดิมจะมีปัญหาถ้าตั้งวันที่ในวินโดวส์เป็นภาษาไทย แต่ตัวใหม่นี่ไม่มีแล้ว รองรับการม็อดเต็มที่จากที่ก่อนหน้านี้แค่คัด Mod เด่น ๆ ไม่กี่ตัวมาให้เลือกโหลด เวอร์ชันนี้ให้คนอัพโหลด Mod เองได้เลย ส่วนคนเล่นก็มี Mod มหาศาลให้เลือกโหลดได้จากในตัวเกม ไม่ต้องไปหาข้างนอก

ก็จัดเป็นความคุ้มค่าครั้งนึงในปีนี้ แล้วก็โชคดีมากเพราะมีแผนจะซื้อ Doom ภาคแรกต่อจากภาค 2 อยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ ได้ฟรีเลย 😄




----------------------------------------------------------

5. Two Point Campus

----------------------------------------------------------

ก็เล็งมานานแล้วเกมแนวสร้าง ๆ เนี่ย ถ้าใครติดตามเอ็นทรี่สรุปเกม Steam ปลายปีมานาน ก็จะพบว่าแนวนี้น้อยมาก ๆ  ก่อนหน้านี้ก็เคยลอง Two Point Hospital ตอนที่เขาให้เล่นฟรีแบบจำกัดเวลา แล้วก็เคยซื้อมารอบนึงแล้ว แต่ก็คืนเงินไปแล้วเอาไปซื้อ Sonic Mania แทน ก็คิดจะซื้อ Hospital กลับมาหลายรอบ แต่สุดท้าย Two Point Campus ก็โผล่มาซะก่อน เห็นแล้วก็คิดว่า เออ อะไรเกี่ยวกับการเรียนการสอนเราน่าจะอินกว่าโรงพยาบาลนะ รอซื้ออันนี้ไปเลยดีกว่า ในที่สุดก็ได้ซื้อมา มันก็สนุกแหละ แต่... ก็ไม่อินอยู่ดี 😊

หลัก ๆ เกมนี้เราก็ต้องพัฒนา Campus (แปลว่าวิทยาเขต) โดยการเพิ่มห้องเกี่ยวกับการเรียนการสอน และสิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความสุขของนักเรียนนักศึกษา ให้ได้เกรดดี ๆ กัน ซึ่งมันจะส่งผลต่อการประเมินคุณภาพวิทยาเขตของเรา โดยระหว่างเล่นพวกนักเรียนนักศึกษาก็จะเรียกร้องนั่นนี่เรื่อย ๆ มีเงินพอก็ทำให้เขาไป ไม่มีก็ข้ามไปก่อน ตัวเกมค่อนข้างต่างจาก Hospital ตรงที่ Hospital คนไข้มาลงทะเบียน รอตรวจ รักษา จบ แต่พอเป็น Campus เราต้องอยู่กับนักเรียนนักศึกษาไปอีก 3 ปีการศึกษา ตอนแรกก็รู้สึกสนุกที่เลือกจับตาดูนักเรียนสักคนว่าเขาจะไปได้ถึงไหน ใช้ชีวิตในวิทยาเขตยังไง มีเพื่อนมั้ย แต่ไป ๆ มา ๆ ไม่เลือกคนละ ไล่สุ่มดูดีกว่า บางทีก็มีการจีบกันด้วย 😄 

ส่วนตัวยังเล่นไปไม่ไกล แต่เท่าที่หาดู พอปลดล็อควิชาเอกใหม่ไปเรื่อย ๆ จะมีกิจกรรมใหม่ ๆ ที่หลากหลายขึ้น แล้วนักเรียนนักศึกษาบางวิชาจะมีการแต่งตัวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย จัดเป็นเกมที่เพลินดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องปวดหัวกับรถติดและคนต่อคิวยาว (ไม่มีคิวยาวแบบ Hospital ใช่มั้ย? ไม่มีใช่มั้ย ☹️)




----------------------------------------------------------

6. Quake

----------------------------------------------------------

ถ้าใครหวังว่า Quake ภาคแรกกับภาค 2 จะรวมแพ็คกันแบบ Doom + Doom II ผมว่าอย่าหวัง เพราะรายนั้นเขาแทบจะเป็นเกมเดียวกัน แต่รายนี้เป็นคนละเกมกันในทุก ๆ ด้าน (ตอนแรกภาค 2 จะเป็นเกมคนละชื่อด้วยซ้ำ 😅) Quake ภาคแรกนี้เป็นต้นกำเนิดของเกม FPS แบบ 3D แท้ ๆ (แม้แต่ Half-Life ก็พัฒนาด้วยเอ็นจินของ Quake) ตัวเกมก็อยู่กึ่งกลางความคลาสสิกแบบ Doom และ FPS ยุคใหม่กว่าอย่าง Quake II เนื้อเรื่องไม่เน้น เน้นยิงกับการแก้ปริศนาหาทางไปต่อมากกว่า

ส่วนตัวชอบการออกแบบฉากของ Quake 1 มากกว่า 2 นะ คือฉากมันจะเป็นฉากเกมแบบเน้นความเป็นเกมเลย (นึกภาพไม่ออกก็ให้นึกถึงฉากเกมมาริโอ้ทั้งหลาย) ไม่ได้พยายามจำลองว่าเป็นสถานที่ใด ๆ มันเลยมีเสน่ห์แบบที่เกม FPS ใหม่ ๆ ไม่มีกัน เพราะตัวฉากออกแบบได้ไม่จำกัด จะให้มีพื้นลอยอยู่กลางอากาศโดด ๆ หรือเลื่อนไปมาโดยไม่มีอะไรยึดก็ทำได้ ไม่ต้องยึดติดกับความสมจริงสมเหตุสมผล (แต่ฉากที่พยายามทำให้สมจริงก็มีอยู่นะ) การวิ่งหาทางไปต่อก็สนุกมาก  จะมีขัด ๆ ก็ศัตรูที่สู้สนุกไม่เท่าภาค 2 

และก็เหมือน Doom กับ Quake II ก่อนหน้านี้ ที่ตัวเกมได้รับการอัพเกรดให้ทันสมัยมากขึ้นเมื่อปี 2021 และมีการรวมแพ็คเสริมที่เคยออกมาทั้งหมดมาให้เล่นได้เลย นอกนั้นยังมีการคัด Mod เจ๋ง ๆ มาให้โหลดเล่นได้ในตัวเกมอีก เล่นภาคหลักภาคเสริมจบแล้วก็เล่นต่อได้ยาว ๆ เลย




----------------------------------------------------------

7. Bloodstained: Ritual of the Night

----------------------------------------------------------

ซื้อมาเพราะร้านนอก Steam ลดถูกสุดตั้งแต่เคยมีมา (รู้สึกจะไม่ถึง 100 บาท) ก็เป็นเกมแนว Metroidvania จากผู้สร้าง Castlevania หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อแดร็กคูร่า ไม่สิ ต้องชื่อ "เกมแส้" ตัวเกมก็เหมือน Castlevania ยุคหลัง ที่ฉากเชื่อมกันหมด ย้อนไปมาได้ตลอด แต่การจะไปพื้นที่ใหม่ ๆ เราต้องได้ความสามารถใหม่มาก่อน มีอาวุธ อุปกรณ์สวมใส่ และอบิลิตี้หลากหลายให้เลือกใช้ตามความถนัดของแต่ละคน และด้วยความที่ได้คนที่ทำเกม Castlevania มานำทีมพัฒนา เกมเลยโคตรจะ Castlevania เลย ทั้งบรรยากาศ ดนตรีประกอบ (ไม่ได้เอามาเป๊ะ แต่อารมณ์มันใช่) ตอนหลังมีการอัพเดตเพิ่มโหมดคลาสสิกที่ล้อเกมเพลย์ Castlevania ภาคแรกมาเต็ม ๆ ให้เล่นด้วย

ก็เป็นเกมที่มีอะไรให้ค้นหาเยอะมาก ทั้งส่วนที่เป็นเนื้อหาในเกมและอีสเตอร์เอ้กต่าง ๆ ยิ่งเล่นไปไกลก็ยิ่งอยากไปไกลขึ้นอีก อาวุธมีให้เลือกเยอะมาก จะระยะใกล้ กลาง ไกล มีหมด อบิลิตี้ที่จะได้มาจากศัตรูก็มีให้เลือกใช้เพียบ แถมยังเลือกอัพเกรดได้อีก และความสามารถที่ได้ตามเนื้อเรื่องหลาย ๆ อย่างก็ชวนให้รู้สึกว่า เฮ้ย เอางี้เลยนะ 😄

ถึงไม่มีอะไรจะพูดมาก แต่ก็สรุปว่า เป็นเกมที่คุ้มสุด ๆ เกมนึงของโลก แถมยังมีการอัพเดตเพิ่มอะไรอยู่เรื่อย ๆ (ทั้งได้ฟรีและ DLC) แบบ เขียน ๆ อยู่อยากกลับไปเล่นต่อแล้วเนี่ย 😅




----------------------------------------------------------

8. Jurassic World Evolution 2

----------------------------------------------------------

ก็อย่างที่เคยบอกตอนรีวิวภาคแรกสักปีว่า "ภาค 2 คือภาคแรกที่ทำเสร็จ" ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง แต่ภาค 2 มันก็มีสิ่งที่ต้องแลกมาคือ ต้องการ CPU ที่แรงกว่าภาคแรก ซึ่งผมเคยลองใน PC Game Pass แล้ว ผลคือเครื่องผมไม่ไหว ก็เลยไม่คิดจะซื้อ จนช่วง Summer Sale จู่ ๆ ภาคนี้ก็ลดราคาต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา คือราคาไม่ถึง 120 บาท!! เอาเว้ยถึงเครื่องไม่ไหวก็เอาไว้ก่อน (หลังจากตอนนั้นจนถึงตอนเขียนนี่ก็ไม่ลดราคาเหลือเท่านั้นอีกเลย 🤔) แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงเดือนผมก็อัพเกรดเครื่องใหม่ (แต่ไม่ได้อัพเกรดเพราะเกมนี้หรอกนะ 😅) ก็เลยได้เล่นจนได้ แต่ก็เล่นไปนิดเดียวนะ เหตุเพราะธุระที่ติดไว้ที่ชื่อเอ็นทรี่นั่นแหละ 😃

ภาคนี้เหมือนจะดำเนินเรื่องราวต่อจากหนัง JW ภาค 2 ที่ไดโนเสาร์เริ่มออกเพ่นพ่านในดินแดนของมนุษย์แล้ว ทำให้เกมเพลย์ภาคนี้เริ่มจากการไปไล่จับพวกที่เพ่นพ่านนี่แหละกลับมา ช่วงเริ่มเกมก็ทำได้ดีกว่าภาคแรกที่จู่ ๆ ให้กรงกว้าง ๆ มาเลยแล้วไม่บอกว่าต้องแบ่งกันยังไง (หรือบอกแต่ผมไม่เห็น) ภาคนี้ลดขนาดให้เข้าใจง่ายขึ้น ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป  แต่ก็ยังไม่ได้เล่นต่อล่ะนะ 😅

สิ่งที่ผมสนใจมาก ๆ ในภาคนี้ ก็คือเราสามารถเลี้ยงสิ่งมีชีวิตในน้ำแล้ว (ไม่กล้าเรียกไดโนเสาร์ในน้ำ เพราะเหมือนมันจะไม่ใช่ 😄) ของแต่งก็น่าจะเยอะขึ้นด้วย โอย ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่ามีเกมอยากกลับไปเล่นเยอะไปหมด 😂




----------------------------------------------------------

9. Batman: Arkham Knight

----------------------------------------------------------

เป็นเกมที่ซื้อพร้อม ๆ กับเกมตะกี้ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ลดราคาต่ำสุดเท่าที่มีมา แล้วลดโหดกว่าด้วยคือเหลือ 30 กว่าบาท (โอ้โฮ ชะตากรรมเกม AAA ค่ายนี้ 😅) จนตอนที่เขียนอยู่นี่มันก็ไม่ลดเท่านั้นอีกเลย (แต่ก็เหลือไม่ถึง 100 ถูกโคตรอยู่ดี แต่สำหรับคนยังไม่มีสักภาค มีของโหดกว่าคือบันเดิลรวม 3 ภาค ที่คุ้มกว่ามาก ๆ) ก็เป็นเกมที่แต่ก่อนมองตาปริบ ๆ เพราะตอนออกมาใหม่ ๆ มันกินสเป็คโหดมาก แต่เวลาผ่านไป ตอนนี้ขอแค่มีการ์ดจอแยกที่ไม่ห่วยเกินไปก็เล่นได้สบายแล้ว  เกมนี้ก็เป็นอีกเกมที่เล่นไปแค่นิดเดียว แต่โหดกว่าเกมตะกี้ตรงเพิ่งเอามาเปิดเล่นก่อนจะเขียนเอ็นทรี่นี้ไม่กี่วัน 😄

ก็เป็นภาคที่ทำให้ความฝันหลายคนเป็นจริงซะทีกับการขับ Batmobile หลังจากภาคก่อน ๆ มาแต่เป็นคัตซีนกับจอดนิ่ง ๆ ให้มาหยิบของ (แล้วก็มีตอนยังสร้างไม่เสร็จด้วย) แล้วเกมก็รีบนำเสนอมาก ๆ ขนาดผมเล่นไปนิดเดียวจริง ๆ ไม่ถึง 30 นาทียังทันได้ขับ 😅  อื่น ๆ เท่าที่ได้เล่นนิดเดียวก็รู้สึกคอมโบลื่นไหลขึ้น เหมือนมีการแย่งอาวุธของศัตรูมาใช้ต่อคอมโบด้วย (ภาคก่อน ๆ มีรึเปล่าหว่า?) 

เมื่อก่อนผมลังเลที่จะซื้อเกมนี้ เพราะรู้สึกมันกินที่ฮาร์ดดิสก์มาก (45- 55 GB นี่แหละ) จนตอนหลังพวกเกมกาชาที่เล่นใน PC มันใหญ่โตกว่านั้นมาก ก็เลยช่างมันแล้ว แต่ติดปัญหาเอาที่ไปลงเกมพวกนั้นหมดแล้ว เลยไม่พออยู่ดี  จนอัพเกรดเครื่องใหม่ จัดพื้นที่ใหม่แล้วมีที่ว่างเยอะแยะ ก็ได้เล่นซะที 😊 




----------------------------------------------------------

10. Neptunia: Sisters VS Sisters

----------------------------------------------------------

ห่างหายจากการซื้อซีรี่ส์ Nep ไป 3 ปี ในที่สุดมันก็กลับมาแล้ว 😄  ภาคนี้เป็น Spin-off ที่กลับไปโฟกัสที่เหล่าตัวละครน้องสาวอีกครั้งหลังจากภาค Re;Birth 2  แต่ภาคนี้มีอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง เช่น ตัวละครที่เล่นได้มีน้อยกว่าทุก ๆ ภาค ตัวละครใหม่ในภาคนี้ไม่สามารถเอามาเล่นได้จนกว่าจะจบเกม และมีตัวละครที่เอามาเล่นได้เฉพาะในเวอร์ชัน Nintendo Switch เท่านั้น (ซึ่งก็เป็นตัวละครที่ปรากฏในเนื้อเรื่องปกติ ไม่ใช่ตัวละครพิเศษเฉพาะภาค NS ด้วย) ไอค่อนรางวัลความสำเร็จเหมือนกันหมด ต่างจากภาคอื่น ๆ ที่ออกแบบไม่ซ้ำ และเครื่องแต่งกายบางส่วนของตัวละครหลักเปลี่ยนไป 🤔  ฉากต่อสู้ของภาคนี้คล้าย ๆ ของภาคหลัก แต่เปลี่ยนจาก Turn Base เป็นแบบ Real Time คือจะกดโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรอถึงเทิร์นแล้ว แต่มีข้อแม้ว่าท่าโจมตีต้องใช้ AP ถ้า AP หมดก็โจมตีไม่ได้ จนกว่า AP จะฟื้นฟูกลับมา ทำให้ต้องเลือกเซ็ตท่าที่จะต่อคอมโบดี ๆ  และการโจมตีเกมนี้จะรู้สึกขัด ๆ นิดนึง คือเหมือนมันเกือบ ๆ จะไม่ Real Time บางทีกดแล้วต้องรอสักพักถึงจะโจมตีออกไป และฉากตอนชนะมันจะแปลก ๆ คือพอศัตรูตัวสุดท้ายตายจะค้างไปพักนึงแล้วชนะกลับไปฉากเดินต่อเลย ไม่ได้มีฉากตอนชนะให้ดูแบบภาคก่อน ๆ 

จุดที่ดูเหมือนจะพัฒนาไปมาก ๆ ก็คือฉาก Visual Novel ที่คราวนี้เอา Live2D แบบ Live2D จริง ๆ มาใช้เลย (มีโลโก้ Live2D ตอนเข้าเกมด้วย) คุณภาพน่าจะระดับเดียวกับ VTuber ยุคหลัง ๆ  แล้วมีการยกแขนขึ้นมาแสดงท่าทางได้ด้วย ดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมมาก (เอาจริง ๆ ก็จำของภาคเดิม ๆ ไม่ได้ เพราะไม่ได้เล่นนานแล้ว 😅)

เกมนี้มีดราม่านิดนึงด้วย คือ หลังจากเกมออกได้พักนึงก็มีการออกแพทช์แก้ แต่แพทช์ที่ออกมานั้นพ่วงการเซ็นเซอร์ด้วย แต่เซ็นเซอร์ที่ว่าไม่ใช้การเซ็นเซอร์ดด้าน Visual แต่เป็นเซ็นเซอร์ข้อความ แบบแก้ข้อความไม่ให้เด็กดีอ่านแล้วตกใจจำไปพูดอะไรแบบนี้ 🤔 ซึ่งรู้สึกมันส่งผลกระทบไปยังเสียงพากย์ภาษาอังกฤษด้วย เพราะข้อความที่แก้เขาไม่พากย์ใหม่นะ ตัดทิ้งไปเลย (ข้อนี้ไม่แน่ใจนะ ถ้าผิดพลาดก็บอกกันได้) และเมื่อไม่นานนี้ซีรี่ส์ Nep ก็เจอวิบากกรรมแปลก ๆ อย่างจู่ ๆ ภาค Re;Birth 1-2-3 ที่พอร์ตมาลง Nintendo Switch ก็ถูกยกเลิก (ไม่แน่ใจว่าเฉพาะตะวันตกหรือทั่วโลก) ข้อหาไม่เป็นไปตามมาตรฐานของนินเทนโด และเกมภาคล่าสุดจู่ ๆ ก็ถูกถอด DLC ชุดว่ายน้ำเฉพาะเครื่อง Nintendo Switch ด้วย (ทั้ง ๆ ที่ปกติฝั่งโซนี่เข้มงวดเรื่องนี้มากกว่านะ)

สรุปก็เป็นเกม Nep ที่มีอะไรแปลก ๆ เหมือนขัดเกลาบางอย่างมาไม่ดี จนรู้สึกว่าตอนพัฒนาเขามีปัญหาภายในอะไรรึเปล่า แต่เขาว่าเกมจะเริ่มเข้าที่หลังจากไปถึง Chapter 3 แล้ว ซึ่ง..ผมยังเล่นไม่ถึง 😊




----------------------------------------------------------

11. Mega Man X Dive Offline

----------------------------------------------------------

ตอนภาคนี้เปิดตัวมาราคาพันกว่า ผมคิดว่าคงอีกนานมากกว่าจะได้ซื้อเล่น แต่ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ในที่สุดเกมก็ลดมาเหลือราคาไม่ถึง 200 บาทจนได้ (แต่ถ้ามี X Legacy Collection 1 + 2 และ Zero/ZX Legacy Collection อยู่แล้ว จะได้ลดอีกถ้าซื้อในบันเดิล) สรุปเกมนี้ก็ซื้อเพราะลดถูกสุดตั้งแต่มีมาอีกแล้ว 😊

สำหรับคนไม่เคยเล่นภาคออนไลน์มาก่อน ก็ต้องเตือนว่าอย่าคาดหวังอะไรมาก ตัวฉากความท้าทายมันไม่เหมือนภาคปกติ (คือความท้าทายน้อยกว่า เน้นพัฒนาตัวละครให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่า) อาวุธยิงมีจำกัดยิงหมดต้องรอรีโหลด และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่กลับไปอ่านรีวิวเวอร์ชันออนไลน์เอาได้ แต่เดี๋ยวผมจะรีวิวเวอร์ชันออฟไลน์เป็นเอ็นทรี่เดี่ยวด้วยในสักวัน  ส่วนความรู้สึกของคนที่เล่นออนไลน์มาก่อนก็น่าจะเป็น ทำไมไม่มีตั๋วข้ามฟระ คืออยากฟาร์มอะไรก็ต้องเข้าด่านไปลุยเองหมด ไม่สามารถใช้ตั๋วข้ามด่านให้ได้แล้ว (พอมาคิดดู ถ้ามีตั๋วข้ามจริง เราก็ต้องเข้าด่านไปฟาร์มตั๋วข้ามอยู่ดีป่ะ?) ยังดีที่ฟาร์มทีเกมให้มาเป็นกอบเป็นกำตั้งตัวได้เลย แต่พอทุกอย่างเลือกซื้อเอาได้ เราก็ระแวงละ ว่าถ้าซื้อตัวนี้จะคุ้มค่ามั้ย ถ้าเลือกพลาดต้องกลับไปฟาร์มใหม่เลยนะ ประมาณนี้ 😅  โชคดีที่เกมนี้เพิ่มระบบช่องเซฟมา ถ้าอยากทดลองซื้อตัวไหนก็เซฟไว้ก่อน พอลองแล้วไม่ถูกใจก็โหลดเซฟตอนยังไม่ซื้อคืนมาได้

ก็ยังคงเล่นเพลินแบบตอนออนไลน์ แต่อะไรหายไปเยอะพอสมควร แล้วต้องใช้เวลากับมันเยอะพอดู เพราะเกมเหมือนจะปลดล็อคทุกโหมดเมื่อถึงเลเวล 60 นู่น  ตอนแรกเหมือนจะนาน แต่ดูนั่น แป๊บ ๆ ผมก็เลเวล 55 แล้ว เร็วกว่าที่คาดไว้มาก 😄




ส่งท้าย

ตอนที่เปิดเกมมาแคปภาพ (ตั้งใจจะแคปไว้ตั้งแต่ตอนเล่นใหม่ ๆ ทุกปี ตอนปลายปีจะได้ไม่ต้องนั่งแคป แต่ลืมทุกที 😅) ก็รู้สึกว่าเกมที่ซื้อปีนี้มันน่ากลับไปเล่นต่อกว่าทุกปีเลยนะ แบบหลายเกมก็เล็งไว้นานมาก ๆ แล้ว ในที่สุดก็ได้เล่นซะที จัดเป็นปีที่คุณภาพมาก  แต่เวลาในการเล่นเกมปีนี้ก็ถูกยกให้เกมกาชามากกว่า ยังดีที่ช่วงนี้มีเกมที่เล่นอยู่ปิดไป เลยมีเวลาว่างเหลือเยอะขึ้นพอสมควร ก็คงได้กลับไปเล่นเกมดองละ

ปีหน้าคงไม่ซื้อเกมเยอะแบบนี้แล้วล่ะนะ แต่ก็มีเล็งเกมที่ใช้เวลาเล่นนานไว้เกมนึงแล้ว ไม่รู้สุดท้ายจะดองอีกมั้ยนะ 😂



ของปีก่อน ๆ



    ความคิดเห็น

    แสดงความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    RPG Maker VX Ace กับภาษาไทย

    RPG Maker MV มีดีอะไร แล้วภาษาไทยล่ะ?

    RPG Maker MZ สอยดีมั้ย ภาษาไทยปกติรึเปล่า?

    เก็บตก RPG Maker MV ฉบับลองใช้จริง.....

    หลังจากลองเล่น Diablo II Resurrected (ตอน Open Beta นั่นแหละ)

    เล่นแล้วมาเล่า... Torchlight 2 ตัวจริงเต็ม ๆ !!

    [ลอง 3 เดือนนิด ๆ แล้วรีวิว] จอย 8BitDo SN30 Pro+

    กลเม็ดเคล็ดลับ FarmVille 2 (ตอนที่ 1)

    [บันทึก] เมื่อผมไปอบรมประสบการณ์วิชาชีพ มสธ.

    สรุปเป้าหมายและสิ่งที่อยากเห็น ปี 2567