9 เกม Steam ที่ซื้อมาดองเล่น ปี 2020

ปี 2020 เป็นปีที่ผมเสียเกมฟรี (กาชา) ที่เล่นประจำไป 2 เกม (เนื่องจากยุติการให้บริการ) แต่ก็ได้เกมกาชาใหม่มาอีก 3 เกมซะงั้น พวกเกมที่ซื้อมาเลยโดนดองหนักกว่าปกติเพราะต้องเอาเวลาไปเล่นเกมพวกนี้นั่นแล แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าดองก็เล่นจบไป 2 เกมเลยนะ (ก็ดันมีเกมสั้นอยู่ 2 เกมนี่หว่า😂)

ปีนี้เกมที่ซื้อมาเล่นก็ยกระดับไปอีก เพราะผมตัดสินใจซื้อการ์ดจอใหม่ซะที (โดดจาก Intel HD ไป GTX 1650 เลยนะ😅) แต่ในนี้ก็มีแค่ 4 เกมเท่านั้นแหละที่ต้องอัพการ์ดจอถึงจะเล่นได้ อีก 5 เกมใช้ Intel HD 630 เดิม ๆ ก็เล่นได้สบายอยู่แล้ว

ก็ไม่ต่อความอะไรมาก เข้าเรื่องกันเลย จะเรียงลำดับเกมตามลำดับการซื้อนะ ไม่ได้เรียงตามความชอบอะไรทั้งนั้น และไม่สนใจว่าเกมออกมาปีไหน ขอแค่ซื้อมาปีนี้ก็พอ ไปดูกันเลย!!



= 1. Mighty Gunvolt Burst =

เดิมทีเกมนี้เป็นมินิเกมแถมฟรีสำหรับคนที่ซื้อ Azure Striker Gunvolt โดยจะเป็นเกมแนวภาพ 8 Bit ย้อนยุคคล้ายร็อคแมน ที่รวมเอาตัวละครจาก 3 เกมได้แก่ Azure Striker Gunvolt, Gun*Gal และ Mighty No.9 อันลือลั่น มายำใหญ่ให้เล่นกัน แม้เกมจะสั้นแต่เหมือนผลตอบรับจะดีกว่าบางเกมที่เป็นต้นฉบับซะอีก ก็เลยได้ออกภาคต่อมาขายในชื่อ Mighty Gunvolt Burst นี่แหละ

ตัวเกมถูกอัพเกรดจากภาคแรกหลายอย่าง แต่ที่เป็นจุดเด่นจริง ๆ ก็คือระบบ Customize ที่ให้เราออกแบบอาวุธเองได้ แต่ช่วงแรกจะปรับแต่งไม่ได้มากนัก เราต้องไปตามหาชิ้นส่วนอาวุธและเก็บแต้ม CP เพื่อเพิ่มอิสระในการปรับแต่งให้มากขึ้น (ชอบตรงสร้างอาวุธแบบชาร์จยิงได้ ซึ่งเราสามารถออกแบบกระสุนตอนยิงปกติกับตอนชาร์จแยกต่างหากได้เลย) บอสและด่านหลักทั้ง 8 ของภาคนี้ก็ไปยกจาก Mighty No.9 มาหมดเลย แต่ฉากนี่เอามาแต่ธีมนะ โครงสร้างออกแบบใหม่หมด อาจจะเรียกได้ว่าเป็น Mighty No.9 ภาคแก้ตัวก็ได้😅

สรุปก็เป็นเกมที่ไม่ยาวนัก แต่มีจุดให้ค้นหามากมาย และถ้าใครฝันอยากลองสร้างอาวุธในเกมร็อคแมนเป็นของตัวเอง เกมนี้ตอบโจทย์นั้นเต็ม ๆ (แต่ต้องเล่นเป็น Beck นะ เพราะเป็นตัวเดียวที่เปลี่ยนหน้าตากระสุนได้ ตัวอื่นเปลี่ยนได้แต่คุณสมบัติ)



= 2. For The King =

For The King เป็นเกม RPG แบบเทิร์นเบสที่จะทำอะไรทีก็ต้องโยนหัวก้อยตัดสิน (ปกติเกมแนวนี้จะโยนเต๋าหรือหมุนวงล้อกัน แต่เกมนี้ใช้วิธีโยนเหรียญหลาย ๆ ครั้งว่าจะออกหัวกี่ครั้งแทน) โดยเกมนี้เราจะให้เราเล่นเป็น 1 - 3 ตัวละครผลัดกันเดินไป หรือถ้าเหงาเกินจะให้เพื่อนมาเล่นเป็นตัวละครที่เหลือแทนก็ได้ ทั้งในเครื่องเดียวกันและออนไลน์ 

ฉากของเกมจะมาในสภาพบอร์ดเกมแบบตารางหกเหลี่ยม ซึ่งเราก็ต้องโยนเหรียญแล้วเดินไปตามช่อง รับเควสต์เจอมอนหาของไปเรื่อย แต่เกมก็แอบมีความยากเหมือนกัน เช่น ถ้าตายแล้วจะตายเลย เราไม่สามารถชุบชีวิตตัวเองได้ ต้องให้เพื่อนหรือตัวละครอื่นที่เราเล่นนั่นแหละมาชุบให้ ถ้าตายหมดทุกคนก็จบไปเลย ต้องเริ่มเล่นใหม่หมด  ช่องเก็บของมีจำกัด ต้องบริหารดี ๆ เงินทองนั้นก็หายาก ต้องใช้สอยอย่างรอบคอบ ความมัลติเพลเยอร์ของเกมนี้คือ เวลาเพื่อนคนนึงจะเดินไปเจอศัตรูมันจะมีขอบเขตของศัตรูแสดงในแผนที่ ถ้าเพื่อนคนอื่น ๆ อยู่ในขอบเขตนี้ก็จะเข้าไปสู้ในฉากต่อสู้ด้วยทันที แต่ถ้าไม่ ก็ต้องสู้เดี่ยว ๆ นั่นแหละ  นอกนั้นก็ยังมีดันเจี้ยนที่ต้องสู้กับศัตรูแบบต่อเนื่องรวดเดียว (มีจุดพักให้ อย่าลืมพกอุปกรณ์ตั้งแคมป์ไว้ฟื้นพลัง) อันนี้ก็ต้องรอเพื่อนมาพร้อมหน้าถึงจะลงไปได้ ก็เรียกได้ว่าถึงจะเป็นเทิร์นเบส แต่ก็ได้รู้สึกผจญภัยร่วมกันจริง ๆ  

เมื่อก่อนความฝันอย่างหนึ่งของผมคือ อยากเล่น Tabletop RPG (เกม RPG ที่เล่นกันบนโต๊ะเหมือนพวกบอร์ดเกม) จริง ๆ กับเพื่อน ๆ (หมายถึงเพื่อนมากกว่า 1 คน) สักครั้ง จนกระทั่งมาเจอเกมนี้ ความฝันของผมก็เปลี่ยนไปเป็นมาเล่นเกมนี้แทนกันเถอะ😆



- 3. Megadimension Neptunia VII -

ก็ซื้อซีรี่ส์นี้ทุกปี (และดองทุกปี😅) จนจะเกลี้ยงสตีมแล้ว แต่ภาคนี้จัดเป็นภาคแรกที่ยกระดับกราฟิกไปอีกขั้น นั่นก็คือถ้าไม่ซื้อการ์ดจอผมก็เล่นไม่ได้นั่นเอง เห็นชื่อแล้วคนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นภาค 7 แต่จริง ๆ มันคือ V ภาค II ตะหาก ซึ่งก็จัดเป็นภาคหลักภาคสุดท้ายในขณะนี้ ยังไม่มีภาคต่อออกมาแต่อย่างไร (มีแต่เอาภาคแรกมารีมาสเตอร์ 2 รอบ กับเอาภาคนี้มาเสริมโหมด VR แต่ระบบห่วยกว่าเดิม) 

ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าภาคนี้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก ยากแบบต้องย้อนไปเก็บเลเวลทั้ง ๆ ที่มีพื้นที่ไปได้จำกัดอยู่เป็นระยะ ๆ (แล้วบางช่วงต้องเหลือตัวเดียวด้วยนะ ยิ่งเก็บเลเวลยากขึ้นอีก) แต่การต่อสู้ดูรวดเร็วฉับไวขึ้น และมีโหมดต่อสู้กับบอสขนาดยักษ์เพิ่มมา ซึ่งก็แปลกใหม่ไม่จำเจดี (เมื่อเทียบกับภาคที่ผ่าน ๆ มา)

ข้อเสียของซีรี่ส์นี้คือ คุยยาวฉิบ บางทีได้สู้นิดเดียวจากนั้นคุยไปสิ 30 นาที แล้วบทสนทนาก็ดันเป็นจุดขายเขาซะด้วย ไม่ควรกดข้ามเป็นอย่างยิ่ง ถ้ากะซื้อมาเพื่อกดข้าม อย่าซื้อมาดองเลย😅



= 4. Mega Man 11 / Rockman 11 =

ไม่ต้องพูดอะไรมากกับเกมที่สาวกร็อคแมนต้องซื้อมาเล่นสักครั้งในชีวิต เพราะมันเป็นเกมที่เป็นสัญลักษณ์การคืนชีพของซีรี่ส์ร็อคแมน (หลังจากมีแค่เอาของเก่ามาขายใหม่อยู่หลายปี😅) ตัวเกมตอนสัมผัสครั้งแรกจะรู้สึกว่า เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ฟีลลิ่งร็อคแมนนี่? แต่พอเล่นจนชินแล้วก็จะรู้สึกว่า นี่แหละร็อคแมนที่โดนอัพเกรดตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันร็อคแมนแบบเดิม ๆ เหมือนภาค 1 2 3 4 5 6 ชัด ๆ เลยนะ!

ตัวเกมมาพร้อมระดับความยากง่ายหลายระดับ ตั้งแต่ง่ายแบบตายได้ไม่จำกัด ตกเหวตกหนามไม่ตาย (พลังไม่ลดด้วย) จนถึงยากระดับที่ไม่มีไอเท็มฟื้นพลังวางหรือดร็อปจากศัตรูใด ๆ ทั้งนั้น  ด้วยระดับความยากที่หลายหลายนี้ ทำให้เมื่อเล่นจบแล้วก็สามารถกลับมาเล่นซ้ำได้เรื่อย ๆ เคยเล่นยากแบบหืดขึ้นคอมาจนจบ อยากเล่นชิล ๆ บ้างก็ไปเล่นโหมดที่ง่ายขึ้น หรือเล่นง่ายจบแล้วยังไม่อิ่มก็ไปเล่นโหมดที่ยากขึ้นซึ่งอาจจะช่วยให้เล่นได้นานขึ้นอีกนิด และทุกระดับความยากคุณจะได้เนื้อหาเหมือนกันหมด ไม่มีตัดบอสหรือกับดักใด ๆ ทิ้ง มีแค่ลดจำนวนศัตรูบางจุดในโหมดง่ายแค่นั้น  ข้อเสีย (รึเปล่า) ของภาคนี้คือ มันไม่มีความลับซ่อนระหว่างฉากเลย ไม่มีบอสลับห้องลับด่านลับใด ๆ อยู่เลย จะมีก็แค่การปลดล็อคไอเท็มใหม่ ๆ ในห้องแล็บ ดร.ไรท์ เท่านั้น เหมือนจะบอกว่า อยากหาของซ่อนก็ไปเล่นภาค X แทนนะ😅

สรุปก็เป็นเกมร็อคแมนที่ดีเกมนึง ใครที่เล่นร็อคแมนภาคเก่า ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ ก็เล่นภาคนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้เหมือนกัน แม้เกมจะสั้นโคตร ๆ ก็เถอะ (รู้สึกบอสด่านไวลี่มันน้อยกว่าปกติยังไงไม่รู้) 



= 5. Cities: Skylines =

เกมนี้เคยเปิดให้เล่นฟรีแบบจำกัดวันหลายครั้ง และทุกครั้งที่ผมไปลองเล่น ก็ต้องลบเกมทิ้งใน 10 นาทีทุกที ด้วยเหตุที่ว่า... มันต้องเริ่มทำอะไรก่อนฟระ และด้วย GPU ที่ยังง่อยอยู่ตอนนั้นไม่สามารถแสดงความละเอียดสูงได้ ทำให้ตัวหนังสือไม่คมชัดพอที่จะอ่านออก😅  แต่แล้ววันหนึ่งเกมนี้ก็โผล่มาใน Humble Bundle โดยสามารถเป็นเจ้าของตัวเกมได้เพียงจ่าย $1 เท่านั้น (อยากได้ DLC เพิ่มก็จ่ายเยอะหน่อย) และในสภาพที่อัพการ์ดจอแล้ว ก็ได้ลองเล่นจริงจังซะที....

โดยก่อนจะเล่นเกมนี้ ผมต้องไปหาคลิปสอนเล่นในยูทูบมาดูก่อน ไม่งั้นตันจริง ๆ เพราะเกมมันยากกว่า SimCity อยู่นิดนึง (เอาจริง ๆ ก็ไม่นิดละ) ต้องจัดการอะไร ๆ มากกว่า ผมคิดว่าถ้าเล่นตาม Tutorial ในเกมอย่างเดียวและไม่โชคดีจริง ๆ คงเจอปัญหาน้ำเสียไม่ระบายแล้วป่วยตายทั้งเมืองแทบทุกคนแน่ ๆ  นอกจากต้องเรียนรู้มากกว่าเดิมแล้ว ไอ้สเป็คเครื่องแรม 4 GB พื้นที่ว่าง 4 GB ที่ลงไว้ในเว็บสตีมน่ะ มันล้าสมัยไปนานแล้ว ปัจจุบันเกมอัพเดตจนแรม 8 GB ยังใช้จนล้น และขนาดตัวเกมเดี่ยว ๆ ก็ปาเข้าไป 10 GB แล้ว อันนี้คือแค่ตัวเกมเพียว ๆ นะ ใครใฝ่ฝันจะยัด DLC ทุกตัวเข้าไปในเกมด้วยก็ เตรียมแรมไว้เยอะ ๆ เลยครับ เกมนี้กินสเป็คสุดจริง ๆ

สรุป พอเล่นเกมนี้แล้วก็รู้สึกว่า.... มีเกมสร้างเมืองสวย ๆ แต่เบสิกกว่านี้ให้เล่นมั้ยฟระ! 



= 6. FINAL FANTASY IX =

เป็นไฟนอลแฟนตาซีภาคเลขหลักเดียวภาคเดียวที่ผมไม่เคยแตะเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยพอร์ตลงเครื่องไหนเลย คือลง PS1 แล้วก็ไม่ไปลงที่ไหนอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ FF7 กะ FF8 ยังลง PC ในยุคเดียวกันแท้ ๆ  กว่าจะลงเครื่องอื่นก็ยุคสมาร์ทโฟนกับสตีมครองเมืองนี่แหละ  ตอนแรกผมลังเลจะซื้อภาคนี้เพราะไปดูคลิปเกมเพลย์ของชาวบ้านแล้วพบว่า ตอนสู้กับบอสแทนที่เขาจะกระหน่ำโจมตีบอสให้จบ ๆ ไป กลับสั่งให้พระเอกขโมยของจากบอสครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพื่อนฝูงจะตายกันหมดแล้วก็ยังคงขโมยต่อไป นี่มันพระเอกประสาอะไรฟระ ก็เลยคิดว่าเกมนี้คงเหมือน FF8 ที่ต้องมานั่งทำอะไรอย่างอื่นตอนสู้กับบอส (อย่าง Draw คาถามาเก็บไว้) อันแสนน่ารำคาญนั่น  เลยไปถามผู้ชำนาญว่ามันจำเป็นมั้ยว่าต้องเล่นแบบนี้ เขาบอกว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะของส่วนใหญ่ก็หาได้ทีหลังอยู่ดี เอ้า งั้นก็ซื้อ!

พอได้ลองเล่นก็พบว่าภาคนี้เขาพอร์ตมาดีกว่าภาค 7 และ 8 (ก่อน Remastered) มาก ปัญหาการใช้ระบบจอยแบบโบราณก็ไม่มีแล้ว ซ้ำยังรองรับระบบสั่นด้วย (สั่นกระทั่งตอนขึ้นวิดีโอคัตซีน) แต่เนื้อหาเกมแอบขัดใจผมนิดหน่อย ตรงช่วงแรก ๆ ที่เราไปไหนไม่ได้เลย บังคับให้อยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเวลานาน ซ้ำยังไม่มีที่ให้ฟาร์มเลเวลกับไอเท็มอีก กว่าจะออกสู่โลกกว้างก็ปาไป 2 ชั่วโมงนู่นแน่ะ ถึงอย่างไรเนื้อเรื่องเกมนี้ก็ทำมาได้ดีแหละ เนื้อหาน่าติดตามและมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเยอะ ระบบเรียนรู้อะบิลิตี้จากอุปกรณ์สวมใส่ก็โดนใจมาก

สรุปว่าเป็นเกมไฟนอลแฟนตาซีที่ผมว่าดีที่สุดในตอนนี้เลย แต่ยังหาเวลาเล่นต่อไม่ได้เลยนะ😅



= 7. Fallout 4 =

ด้วยความที่เป็นแฟนเกม Skyrim ก็ย่อมต้องสนใจเกมที่เขาว่ากันว่าเป็น Skyrim ในยุคหลังโลกล่มสลายอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ตอนแรกสเป็คยังไม่ถึง และเกมยังราคาแรงอยู่ (แถมกินที่ฮาร์ดดิสก์ทะลุขีดที่รับได้😅) ก็เลยปล่อยมันไปก่อน จนสเป็คพร้อม และเว็บ CDKeys เอามาลดราคาไม่ถึง 300 บ่อย ๆ (นี่คือราคา GOTY นะ) ก็เลยสอยมาเลย (ส่วนเรื่องกินพื้นที่ฮาร์ดดิสก์นี่ก็ทำใจนิดหน่อย😭)

สัมผัสแรกคือชอบแหละ แม้มันจะต่างจาก Skyrim ไปบ้าง แต่การได้ใช้ปืนยิงแมลงสาบมันรู้สึกดีจริง ๆ ก็ยอมรับว่าเกมมันชวนมึนไปนิด และ UI มันไม่เคลียร์เท่าไหร่ เพราะพยายามทำกราฟิกให้เหมือนใช้ Pip-Boy (อุปกรณ์พกพามีจอในรูปแบบปลอกแขน) อยู่จริง ๆ นี่แหละ แล้วพอยิ่งเล่นไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า... กระสุนมันหายไปไหนหมดฟระ ไม่เคยหาได้พอใช้เลย เขาไปหาที่ไหนกัน😑 กลับกันพวกไอเท็มที่ไม่รู้มีไว้ใช้ทำอะไรดันเยอะแยะไปหมด แล้วเราจะเติมพลังชุดเกราะยังไงฟระ เกมให้เราสู้กับไอ้พวกนี้ตอนนี้จริงดิ่ ฯลฯ

สรุปว่า... คงต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการงัดกลับมาเล่นครั้งต่อไป แต่ตอนนี้ขอเอาออกไปก่อน มันเปลืองที่ฮาร์ดดิสก์ (ตอนนี้ให้ Genshin Impact ยึดที่ไปแทนแล้ว😅) อ้อ ผมไม่ได้ซื้อตัว GOTY นะ เพราะมั่นใจว่าเล่นไม่ถึง DLC แน่นอน🤗



= 8. Disgaea 5 Complete =

ปีก่อนซื้อภาค 2 ไปยังดองอยู่เลย ไม่ทันไรซื้อภาค 5 มาอีกแล้ว😅 เกมนี้เคยเปิดให้เล่นฟรีแบบจำกัดเวลาอยู่ครั้งนึง (เกมซีรี่ส์นี่จะให้ทดลองเล่นฟรีราว ๆ 3 วันอยู่บ่อย ๆ เพราะผู้พัฒนามั่นใจว่า 3 วันน่ะไม่พอหรอก😂) แล้วชอบกว่าภาค 2 มาก เพราะกราฟิกคมชัดและสดใสกว่าเดิม ระบบ Tutorial ก็ปรับให้เข้าใจง่ายและชัดเจนขึ้น แทบจะจับมือเราทำ ที่สำคัญคือมีปุ่มให้กดสลับไปสั่งยูนิตอื่นได้แล้ว ซึ่งดีมาก ๆ เพราะการเลื่อนเคอร์เซอร์เลือกยูนิตบางจุดมันทุลักทุเลสุด ๆ (ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ) พูดง่าย ๆ คือเล่นสะดวกขึ้นมาก

แม้จะมีคำว่า Complete ต่อท้ายชื่อ แต่คนมักจะเรียกเกมนี้ว่า Incomplete มากกว่า เพราะเวอร์ชั่น PC ดันตัดระบบออนไลน์และมัลติเพลเยอร์ทิ้งไป ซึ่งเห็นเขาว่ามันสำคัญต่อการพัฒนาตัวละครด้วย ซึ่งเกมนี้ก็มีวิธีพัฒนาตัวละครหลากหลายมาก เช่น การอัพเกรดไอเท็มด้วยการเข้าไปในโลกที่อยู่ในไอเท็มนั้น การเล่นบอร์ดเกมเพื่ออัพสถานะของตัวละครทีละตัว นอกนั้นยังมีสูตรปั๊มเลเวลอย่างเร่งด่วนมากมาย จนรู้สึกว่า อืม เกมนี้มันฮาร์ดคอร์เรื่องพัฒนาตัวละครเกินไปมั้ยฟระ😅

สรุปคือเกมนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร อ้อ ภาค 4 มาลงสตีมแล้วนะ (ออกก่อน ลงทีหลัง) ไม่รู้ปีหน้าจะเผลอซื้อมาอีกมั้ยเนี่ย😅



= 9. Sonic Mania =

จริง ๆ ที่ตรงนี้ต้องเป็นของ Two Point Hospital ของค่ายเดียวกัน แต่ผมขอคืนเงินในนาทีสุดท้ายเพราะรู้สึกว่าไม่มีปัญญาผ่านมิชชั่นที่เกมกำหนดมา (จริง ๆ ขอคืนเงินแล้วเอาไปซื้อเกมอันดับก่อนหน้านี้ตะหาก แต่เห็นเป็นค่ายเดียวกันเลยถือว่าคืนแล้วเอามาซื้อเกมนี้😅) ซึ่งก่อนที่จะซื้อ Sonic Mania นี่ ทาง SEGA ก็แจก Sonic 2 ซึ่งเป็นภาคที่ดีที่สุดจนคิดว่าเขาคงไม่เอาไว้แจกหรอกให้เล่นฟรี ๆ และเพราะเล่น Sonic 2 ที่แจกฟรีนี่แหละ เลยกลายเป็นแรงผลักดันให้ซื้อ Sonic Mania ในที่สุด

ความพิเศษของ Sonic Mania คือตัวเกมถูกพัฒนาโดยแฟนเกม Sonic อย่างแท้จริง ซึ่งเขาเคยทำ Sonic แบบแฟนเมดมาก่อน แล้วด้วยความที่ SEGA ซึ่งเปิดกว้างให้เกมแฟนเมดรู้สึกถูกใจเข้า ในที่สุดก็ทาบทามมาพัฒนาเกม Sonic ภาคใหม่อย่างเป็นทางการ กลายเป็น Sonic ภาคที่พัฒนาโดยแฟนเกมเพื่อแฟนเกมอย่างแท้จริง ตัวเกมจะเอาฉากจากภาคเก่า ๆ มารีมิกซ์ใหม่ (และก็มีฉากใหม่ด้วย) พร้อมจัดเต็มโดยการใส่บอสไว้ทุก Act ทุก Zone (จากปกติจะมีบอสเฉพาะ Act สุดท้ายของแต่ละโซน) แล้วยังมีกิมมิกเอาใจแฟน ๆ อีกมากมาย

ก็เป็น Sonic ภาคที่ดีที่สุดภาคหนึ่งแหละ ใครที่เอาภาคเก่า ๆ มาเล่นแล้วอึดอัดกับระบบที่ล้าสมัยบางอย่าง เกมนี้จะให้รู้สึกเหมือนได้เล่นภาคเก่า ๆ ที่ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ติดขัดน้อยลง เล่นได้ลื่นไหลสุด ๆ (ผมละเกลียดฉากแบบ Marble Zone ของภาคแรกสุด แบบมันบังคับให้ค่อย ๆ ไปน่ะ ขัดกับความเป็นโซนิคสุด ๆ ซึ่งภาค Mania นี่ไม่มีนะ😅)




ส่งท้าย 

ของปีนี้ไม่มีเกมอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับแถมนะ เพราะมันก็เหลืออีกแค่ 2 เกม ซึ่งไม่ขอพูดถึงละกัน (ในแง่ไหนก็ไปเดากันเอง😀) เกมที่ซื้อปีนี้ก็เล่นจบไป 2 เกมคือ Mighty Gunvolt Burst กับ Rockman 11 นี่แหละ เกมสั้นสุด ๆ ทั้งคู่ ถ้าจะมีแววจบอีกเกมก็คง Sonic Mania นั่นแหละ ก็เล่นไปไกลพอสมควรแล้ว นอกนั้นไม่มีหวังเท่าไหร่😂

ปีนี้ก็เอาแค่นี้แหละ สวัสดี พบกันใหม่ปีหน้า.... ที่หวังว่าจะได้เขียนเรื่องเกมมากขึ้นนะ😅



ของปีก่อน ๆ





    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    RPG Maker VX Ace กับภาษาไทย

    [ลอง 3 เดือนนิด ๆ แล้วรีวิว] จอย 8BitDo SN30 Pro+

    RPG Maker MZ สอยดีมั้ย ภาษาไทยปกติรึเปล่า?

    RPG Maker MV มีดีอะไร แล้วภาษาไทยล่ะ?

    [บันทึก] เมื่อผมไปอบรมประสบการณ์วิชาชีพ มสธ.

    เล่นแล้วมาเล่า... Torchlight 2 ตัวจริงเต็ม ๆ !!

    เก็บตก Torchlight 2