[รีวิวสาย ๆ] Mega Man Legacy Collection 2
ไม่ได้ริวิวเกมกับเขียนเรื่องร็อคแมนมานาน แล้วที่แปะหัวว่า "รีวิวสาย ๆ" เพราะตอนเขียนนี่อีกไม่กี่ชั่วโมงมันจะหมดเวลาลดราคาไงล่ะ! (ประจำแหละบล็อกนี้😂) จริง ๆ มันลดยาวมากตั้ง 10 วัน นานจนผมอยากจะรีวิว 2 ภาครวด แต่ก็ออกมาอย่างที่เห็น ได้แค่ภาคเดียวในวันสุดท้าย😅 ใครไม่ทันก็รอลดครั้งหน้านะ หรือทนไม่ไหวจะซื้อราคาเต็มก็ได้😀
จริง ๆ ผมซื้อมาตั้งแต่ปลายเดือนเมษาแล้ว แล้วจะรีวิวตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ แต่ช่วงนั้นอะไรหลาย ๆ อย่างมันทำให้เขียนบล็อกไม่ค่อยออก แถมเลยเวลาลดราคาตอนนั้นมานานแล้ว เลยกะว่าไว้เขียนตอนลดครั้งหน้าละกัน (ก็ตามที่สัญญาไว้กับตัวเองล่ะนะ แต่เฉียดฉิวไปหน่อย😅) ตอนแรกก็ไม่หวังว่าจะเล่นได้หรอก เพราะสเป็คขั้นต่ำมันต้องการการ์ดจอ GeForce GTX 550Ti (VRAM1GB) ซึ่งผมใช้ Intel HD 630 ที่ติดมากับ CPU แค่นั้น ดูยังไงก็เล่นไม่ได้ใช่มั้ย? แต่ผิดคาด สามารถเล่นได้ที่ 60 fps เนียน ๆ เลย เปิดฟิลเตอร์ก็ยังได้ ตอนหลังเปลี่ยนจอเป็น 1080p ก็ยังเล่นได้ลื่นเท่าเดิม ซ้ำยังสตรีมสดได้แบบชิล ๆ ซึ่งใครอยากดูคลิปที่สตรีมไว้ก็ดูได้ข้างล่างนี้
เป็นการเล่นแบบสุ่ม ๆ กาก ๆ ไม่ต้องหวังว่าจะเห็นเกมเพลย์ขั้นเทพอะไรนะ (โดยเฉพาะภาค 9 😅) แล้วก็พยายามทดลองฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้ดูเท่าที่นึกออกตอนนั้น (แต่ไม่มีบทพูดอะไรนะ) ดูจบแล้วอาจไม่ต้องอ่านต่อก็ได้มั้ง😑
Mega Man Legacy Collection 1 นี่เป็นเหมือนการโยนหินถามทางของแคปคอมว่าผู้คนยังรอคอยร็อคแมนอยู่มั้ย เอาจริง ๆ มันอาจจะเป็นตัวตัดสินสุดท้ายก็ได้ว่าร็อคแมนจะได้ไปต่อรึเปล่า ซึ่งผลออกมาคือขายได้เกินกว่าล้านชุด เป็นเกมร็อคแมนที่ทำยอดขายได้มากเป็นอันดับ 3 ในบรรดาซีรี่ส์ร็อคแมนทั้งหมด (อันดับ 1 : ร็อคแมน 2 อันดับ 2 : ร็อคแมน X1) และตอนหลังทางแคปคอมก็ให้คำตอบกับบรรดาแฟน ๆ ด้วย Legacy Collection 2 ซึ่งแอบมีคำใบ้ถึงภาค 11 ใส่ไว้
นี่คือภาพดีไซน์จากภาค 11 ที่แอบใส่ไว้ใน Museum ของ Legacy Collection 2 นอกจากภาพนี้ยังมีการออก Nendoroid (ที่ชอบเรียกกันว่าเน็นด๋อย) ของโรลจังในชุดแบบใหม่ ซึ่งก็คือชุดจากภาค 11 นั่นเอง และหลังจากนั้นซีรี่ส์ร็อคแมนก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (ถึงจะเป็นการมัดของเก่าขายซะมากจนบ่นกัน แต่จริง ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนรอคอยอยู่แล้ว เชื่อสิ😉)
กลับมาที่ MMLC1 (ขอย่อละ) เมื่อปลายปีที่แล้วมีการปล่อยอัพเดตออกมาเงียบ ๆ หลังเงียบจากการอัพเดตไปนานมาก และอัพเดตที่ว่าก็คือการเพิ่มฟีเจอร์ Rewind ที่ช่วยให้ย้อนเวลาไปก่อนพลาดได้ตลอด เพิ่ม Turbo Mode ที่ไม่ใช่การทำให้เกมเร็วขึ้น แต่เป็นการทำให้เกมไม่ช้าลงเวลาเจอศัตรูเยอะ ๆ หรือตัวใหญ่ ๆ และยังมีการแก้ไขให้แถบดำตรงขอบซ้ายของภาค 3 - 6 หายไปด้วย
MMLC1 นี่ก็จัดว่าเป็นภาคสมบูรณ์ที่สุดสำหรับผมล่ะนะ ตัวช่วยเพียบ ข้อมูลตัวละครครบ ไม่มีอะไรให้ติดค้างเลย (บางคนอยากให้เอาภาค Complete Work ที่ลง PS1 มาทำ แต่ผมว่าแบบนี้แหละดีแล้ว คลาสสิกสุด)
โดย MMLC2 จะบรรจุร็อคแมนในยุคใหม่ 4 ภาคคือ 7 8 9 10 ซึ่งกระจายไปลงหลายเครื่องมากและยังมีสไตล์กราฟิกต่างกัน ทำให้เล่นแล้วได้บรรยากาศหลากหลายไม่ได้เป็นโทนเดียวกันแบบ MMLC1
จุดต่างจาก Mega Man Legacy Collection 1
การปรับ Options ที่หน้าไตเติ้ล จะมีให้เปลี่ยนภาษา (ถ้าอยากเล่น Rockman แทน Mega Man ต้องตั้งเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเมนูก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดไปด้วยนะ😅) เลือกโหมดหน้าจอ โดยเกมนี้ไม่มีตัวเลือกให้ปรับความละเอียดจอนะ ปรับได้แค่ เต็มจอ หน้าต่าง และหน้าต่างแบบไร้ขอบ (Borderless Window) ซึ่งแนะนำแบบหลังสุด จะรันเกมได้มีประสิทธิภาพกว่า คือจริง ๆ มันเป็นการเอาหน้าต่างแบบไร้ขอบมาขยายจนเต็มจอนั่นแหละ (ส่วน Full Screen คือการสลับไปหน้าจอเสมือนอีกจอนึง ซึ่งหลัง ๆ หลายเกมจะมีปัญหาเฟรมเรตตกในโหมดนี้) นอกนั้นก็เปิดปิด Vsync ลบเซฟทั้งหมด (ไอ้เมนูยาว ๆ นั่นแหละ) และเปิดปิด Extra Armor Mode ส่วนการตั้งปุ่มต้องไปตั้งจากหน้า Options ของแต่ละภาคแทน (ตั้งได้ทั้งหน้าก่อนเข้าเกมและระหว่างเล่น)
Extra Armor Mode คือโหมดช่วยเหลือแบบเป็นหนทางสุดท้ายจริง ๆ สำหรับคนเล่นไม่ผ่านซะที😅 พอเปิดแล้วจะทำให้ได้รับความเสียหายน้อยลง โดยต้องแลกมาด้วยการมีไอคอนโล่แปะอยู่ที่มุมซ้ายบนแบบนี้ แต่ไม่มีผลกับการเก็บ Achievement นะ สามารถเปิด/ปิดได้เฉพาะเมนู Options ที่หน้าไตเติ้ล ไม่มีใน Options ในเกมนะ
ส่วนหน้า Options ในเกม (กด LT/L2) ก็จะมีตัวช่วยคือ Checkpoint Save ระบบช่วยเหลือของภาคนี้ โดยจะเซฟให้ในสภาพที่อยู่ตรงเช็คพอยน์ล่าสุด คือถ้าคุณมาถึงเช็คพอยน์ตอนเหลือพลัง 1 ขีด ถ้าเซฟมันก็เซฟตอนพลัง 1 ขีดนั่นแหละ ถ้าไม่ชอบก็ยอมตายให้พลังเต็มแล้วกดเซฟเองใหม่ ก็จะได้สภาพพลังเต็มแล้ว จากนั้นจะโหลดมาบ่อยแค่ไหนก็ได้ตัวไม่ลด ถ้ากลัวลืมเซฟเกมก็มี Auto Save ให้เปิดด้วย โดยจะเซฟให้เฉพาะตอนมาถึงเช็คพอยน์ แต่ตายแล้วย้อนต้องกดเซฟเองนะ
เกมจะปรับหน้าจอได้ 3 แบบ เริ่มจาก Original ภาพจะหดอยู่ตรงกลาง โดยจะหดเยอะแค่ไหนขึ้นอยู่กับความละเอียดของแต่ละภาคและความละเอียดของจอเรา (ถ้า 1080p ก็เล็กหน่อย)
แบบ Full จะขยายภาพแบบคงสัดส่วนเดิมจนเต็มความสูงของจอ แบบนี้ก็เต็มตาดี แต่อาจจะเห็นอาการพิกเซลเหลื่อมหรือไม่ก็เห็นเม็ดพิกเซลชัดเกิน แนะนำให้เปิดฟิลเตอร์ช่วย
แบบ Wide ก็... ยืดภาพเต็มจอแบบไม่สนสัดส่วนใด ๆ เล่นกันแบบยืด ๆ นี่แหละ โดยส่วนตัวผมเกลียดโหมดนี้มาก แต่เห็นหลายคนชอบกันจัง (เห็นคนเล่น FF8 Remastered ก็เรียกร้องโหมดยืดแบบนี้กันนะ😅)
เกมจะมีฟิลเตอร์ให้แบบเดียวคือไม่เปิดก็ปิดนี่แหละ (ต่างจาก MMLC1 กับ MMXLC ที่มีให้เลือก 2 แบบ) โดยเมื่อเปิดก็จะมีเส้น Scanline ขึ้นมาช่วยให้ภาพดูเนียนขึ้นหยักน้อยลง ลองดูด้วยตาเอาเองดีกว่า ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน😁
การตั้งค่าอื่น ๆ ก็มี Background ที่มีให้เลือกภาคละ 4 ลาย โดยถ้าเลือกเบอร์ไหนทุกภาคก็จะเป็นเบอร์นั้นตามหมด (เช่น เลือกภาค 7 เป็นเบอร์ 2 ภาค 8 9 10 ก็จะกลายเป็นเบอร์ 2 ของภาคนั้น ๆ เหมือนกัน) มีให้ตั้งปุ่มได้ทั้งจอยและคีย์บอร์ด มีให้กลับไปไตเติ้ลของภาคนั้น ๆ และออกจากเกมกลับไปเมนูหลัก
โหมด Challenges ในเกมนี้จะเป็นแบบแยกภาคใครภาคมัน ไม่มีมิกซ์รวมแบบ MMLC1 อีกแล้ว (เพราะความต่างมันเยอะเกิน) โดยหลัก ๆ ก็มามุกเดิมคือ เอาบางส่วนของหลาย ๆ ฉากมายำให้เล่นยาวรวดเดียว เอาบอสกลาง บอสหลัก ไวลี่ มาเรียงกันให้สู้ (Boss Rush) แต่คราวนี้โหมด Boss Rush ที่สู้กับบอสหลัก 8 ตัว จะไม่ได้เรียงบอสมาให้เรา แต่จะวาร์ปไปห้องแคปซูลบอสในด่านไวลี่ให้เลือกสู้เอาเองเลย ก็ถือว่าดีนะ ให้ตัดสินใจเองเลย😀 เสียดายไม่มี Boss Rush รวมทุกภาคแบบ MMLC1 นี่แหละ (อันนั้นโหดมาก แต่ชนะแล้วฟินสุด ๆ)
Museum กับ Music Player ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ดูภาพอาร์ตเวิร์คกับฟังเพลง โดยสามารถกดเข้าไปสู้กับบอสหลัก 8 ตัวตอนเลือกภาพบอสได้อยู่ (บอสที่สู้ได้จะเป็นกรอบแดง ต้องกดเข้าไปดูภาพบอสก่อนแล้วกด X) แต่ไม่มีข้อมูลบอสกับอาวุธแพ้ทางบอกแล้ว หาในคู่มือชุมชนเอาเอง😅
จนมาที่ MMLC2 นี่ ผมก็ได้สิ่งที่ต้องการ เสียงกระโดดที่ควรจะเป็น "ชึ่บ กริ๊บ" สั้น ๆ สบายหู แม้จะติดปัญหาที่บางเสียงอาจจะเบาไป อย่างเสียงยิงสายฟ้าของ Cloud Man หรือเสียงระเบิดของแท่นระเบิดเวลา แต่ถ้าปรับเสียงดังขึ้นมันก็โอเคขึ้นนะ ปัญหาของภาคนี้ใน MMLC2 ก็คือมันเป็นภาคเดียวที่ไม่มีระบบเซฟใด ๆ อยากเซฟต้องใช้ Checkpoint Save เท่านั้น ไม่งั้นก็จด Password เอาตามเดิม ซึ่ง Password ภาคนี้ก็เก็บข้อมูลครบถ้วนมาก เก็บได้ทั้งจำนวนถังต่าง ๆ จำนวนตัว ยันจำนวนน็อตเลย แถมยังมี Password ลับต่าง ๆ มากมาย (เช่น มีบอส 8 ตัวตั้งแต่แรก ไปไวลี่ด่านสุดท้าย และ โหมดลับสู้กันเอง)
จุดเสียอันยิ่งใหญ่ของภาคนี้คือ ไวลี่ร่างสุดท้ายยากโคตร แถมสู้รอบแรกถ้าดันใช้ถัง E หมดแล้วตาย รอบต่อไปไม่ต้องพูดถึง😅 Checkpoint Save ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะต้องกลับไปสู้กับร่างแรกก่อนทุกครั้ง สุดท้ายผมยอมใช้ Extra Armor เลย ถึงจะจบได้ (แล้วก็เลยรู้ว่ามันได้ Achievement ด้วยแม้จะเปิด Extra Armor นี่แหละ) อ้อ การกดเข้าไปซื้อของในหน้าเลือกบอสนี่ กด Start หรือปุ่มที่ใช้กดเข้าเมนูเลือกอาวุธเอาได้เลยนะ เพราะเกมไม่มีให้ตั้งปุ่ม Select 😐
พอมา MMLC2 นี่คือตอบโจทย์มาก ภาพก็ลงตัว เสียงก็ดี จอยก็ไม่มีปัญหา (ยกเว้นปุ่มยิงอาวุธพิเศษที่ดันไปอยู่ตรงปุ่ม B ต้องตั้งกลับเป็น Y แล้วปกตินี่ปุ่มยิงหลักมันเป็นปุ่มยิงอาวุธพิเศษนี่นา🤔) เล่นได้ลื่น ๆ 60 fps อีกต่างหาก ภาคนี้ถือเป็นภาคที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ มากที่สุด เพราะตัดรัชเดิม ๆ ที่คุ้นเคย เหลือไว้แต่รัชเจ็ทแบบใช้เฉพาะจุด ถัง E ก็ตัดออก เวลาตายพลังอาวุธก็เต็มหมด และมีทางลับเยอะมาก ๆ เพื่อไว้ซ่อนน็อต (จริง ๆ คือ Bolt 😅) ทั้ง 40 อัน ให้เก็บไปแลกไอเท็มพิเศษต่าง ๆ ที่ภาคอื่นไม่เคยมี อย่างชาร์จบัสเตอร์แล้วยิงกระจายเป็น 5 ทิศ ยิงเป็นเลเซอร์ สไลด์เร็วขึ้น ยิงรัวอัตโนมัติ ฯลฯ ซึ่งด้วยน็อต 40 ตัวไม่สามารถซื้อหมดทุกอันได้ ต้องคิดดี ๆ ว่าจะเอาอันไหน และภาคนี้มีตำนานอยู่อย่างนึงคือฉาก Jump Jump Slide Slide ที่ถือว่าเป็น 1 ในสิ่งสุดยากของซีรี่ส์ร็อคแมนเคียงคู่กับไวลี่ร่างสุดท้ายของภาค 7 นั่นแหละ😑
เวอร์ชันที่ซื้อใน Steam จะไม่มีเพลงร้องที่ฉาก Opening กับฉากจบนะครับ แม้จะเปลี่ยนเป็นภาค Rockman ภาษาญี่ปุ่นแล้ว เนื่องจากล็อคไว้ไม่ให้มีปัญหาลิขสิทธิ์ แต่จริง ๆ เขาใส่ไฟล์มาให้ด้วยแหละ แค่ต้องสลับชื่อไฟล์นิดหน่อย อ่านวิธีได้ที่นี่
ใน MMLC2 นี่คุณจะพบว่าภาค 9 มีแถบดำซ้ายขวาอยู่ตลอดเวลา โดยที่ Wallpaper ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เนื่องจากไอ้แถบตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอเกมครับ เพราะภาค 9 มันมีบางหน้าจอที่ใช้พื้นที่ตรงแถบดำด้วยนี่แหละ เขาก็เลยจำใจต้องคงแถบดำไว้ ถ้ารำคาญก็ปิด Wallpaper ไป🤗
จุดขายของภาคนี้คือ.... ยากว้อยยยย ยากสุด ๆ ร็อคแมนก็ดันกลับมาสไลด์ไม่ได้ ชาร์จไม่ได้ (เพราะยกให้บลูส์หมด เพื่อสร้างเกมเพลย์ที่แตกต่าง😁) ศัตรูก็โจมตีหนัก กับดักก็โหด เช็คพอยน์แต่ละจุดก็ไกล โอย😫 ตอนเล่นอีมูใช้ Save State ช่วยได้ แต่อันนี้ Checkpoint Save ไม่ค่อยช่วยอะไร เพราะแต่ละจุดมันไกลแถมต้องผ่านกับดักหรือบอสกลางโหด ๆ นี่แหละ ยังดีที่ถัง E กับ W กลับมาแล้ว และมีปุ่มรัวอัตโนมัติช่วยอีกทาง แต่ไม่รู้ใช้ Extra Armor ช่วยจะเล่นจบหรือเปล่า😅 ที่ชอบสุดสำหรับภาคนี้คือเพลงฉากจบเพราะมาก😆
และด้วยโหมด Easy ทำให้เกมภาคนี้สามารถกลับไปเล่นเพลิน ๆ แบบ 6 ภาคแรกได้อีกครั้ง (จริง ๆ Normal ก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ) กับดักก็สบาย ๆ บอสกลางก็ชิล ๆ ก็จัดเป็นภาคที่ลงตัวดีภาคนึง เสียตรงสไลด์กับชาร์จของร็อคแมนยังคงไม่กลับมา เพราะยกให้บลูส์ไปแล้วไง แต่บลูส์ก็ติดปัญหาตัวบาง ได้รับความเสียหายมากกว่าร็อคแมน 2 เท่า ซ้ำยังรัวบัสเตอร์ได้น้อยกว่า ถ้าไม่พอก็มีฟอร์เต้ (Bass) มาให้เล่นอีกตัว (ต้องเล่นจบถึงจะปลดล็อค หรือกดสูตรเอา) โดยฟอร์เต้จะยิงรัวอัตโนมัติเป็นปกติ แดชได้ แถมรวมร่างกับกอสเปล (Treble) แล้วบินอิสระได้แบบโกงสุด ๆ
ก็เป็นภาคที่สนุกน่าจดจำภาคนึง แต่ทำไมถึงจำอะไรไม่ค่อยได้เลยนะ😅 อ้อ จุดพิเศษของภาคนี้คือมีโหมด Challenge เป็นด่านพิเศษในตัว (แยกจากของ MMLC2 อีกที) มีโหมด Endless ที่ให้เล่นไปเรื่อย ๆ ว่าจะไปได้กี่ห้องก่อนตาย และ Special Stage ที่เอาฉากและบอสจาก Rockman World 1 3 4 มาให้เล่นด้วย (เดิมทีพวกฉากพวกนี้กับฟอร์เต้เป็น DLC แต่ MMLC2 รวมมาให้แล้ว) พวกนี้เหมือนต้องเล่นจบก่อนหรือกดสูตรถึงจะเล่นได้นะ
จริง ๆ ผมซื้อมาตั้งแต่ปลายเดือนเมษาแล้ว แล้วจะรีวิวตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ แต่ช่วงนั้นอะไรหลาย ๆ อย่างมันทำให้เขียนบล็อกไม่ค่อยออก แถมเลยเวลาลดราคาตอนนั้นมานานแล้ว เลยกะว่าไว้เขียนตอนลดครั้งหน้าละกัน (ก็ตามที่สัญญาไว้กับตัวเองล่ะนะ แต่เฉียดฉิวไปหน่อย😅) ตอนแรกก็ไม่หวังว่าจะเล่นได้หรอก เพราะสเป็คขั้นต่ำมันต้องการการ์ดจอ GeForce GTX 550Ti (VRAM1GB) ซึ่งผมใช้ Intel HD 630 ที่ติดมากับ CPU แค่นั้น ดูยังไงก็เล่นไม่ได้ใช่มั้ย? แต่ผิดคาด สามารถเล่นได้ที่ 60 fps เนียน ๆ เลย เปิดฟิลเตอร์ก็ยังได้ ตอนหลังเปลี่ยนจอเป็น 1080p ก็ยังเล่นได้ลื่นเท่าเดิม ซ้ำยังสตรีมสดได้แบบชิล ๆ ซึ่งใครอยากดูคลิปที่สตรีมไว้ก็ดูได้ข้างล่างนี้
ย้อนกลับไปดู Legacy Collection 1 ก่อน
เนื่องจากไม่ได้รีวิวไว้แบบเต็ม ๆ มีแค่รีวิวสั้น ๆ ในเอ็นทรี่ 5 เกม Steam ที่ซื้อมาเล่นแล้วฟิน ปี 2017 และที่ผ่านมามันก็มีอัพเดตเพิ่มเล็กน้อย เลยขอยกมาพูดตรงนี้สักหน่อยMega Man Legacy Collection 1 นี่เป็นเหมือนการโยนหินถามทางของแคปคอมว่าผู้คนยังรอคอยร็อคแมนอยู่มั้ย เอาจริง ๆ มันอาจจะเป็นตัวตัดสินสุดท้ายก็ได้ว่าร็อคแมนจะได้ไปต่อรึเปล่า ซึ่งผลออกมาคือขายได้เกินกว่าล้านชุด เป็นเกมร็อคแมนที่ทำยอดขายได้มากเป็นอันดับ 3 ในบรรดาซีรี่ส์ร็อคแมนทั้งหมด (อันดับ 1 : ร็อคแมน 2 อันดับ 2 : ร็อคแมน X1) และตอนหลังทางแคปคอมก็ให้คำตอบกับบรรดาแฟน ๆ ด้วย Legacy Collection 2 ซึ่งแอบมีคำใบ้ถึงภาค 11 ใส่ไว้
นี่คือภาพดีไซน์จากภาค 11 ที่แอบใส่ไว้ใน Museum ของ Legacy Collection 2 นอกจากภาพนี้ยังมีการออก Nendoroid (ที่ชอบเรียกกันว่าเน็นด๋อย) ของโรลจังในชุดแบบใหม่ ซึ่งก็คือชุดจากภาค 11 นั่นเอง และหลังจากนั้นซีรี่ส์ร็อคแมนก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (ถึงจะเป็นการมัดของเก่าขายซะมากจนบ่นกัน แต่จริง ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนรอคอยอยู่แล้ว เชื่อสิ😉)
กลับมาที่ MMLC1 (ขอย่อละ) เมื่อปลายปีที่แล้วมีการปล่อยอัพเดตออกมาเงียบ ๆ หลังเงียบจากการอัพเดตไปนานมาก และอัพเดตที่ว่าก็คือการเพิ่มฟีเจอร์ Rewind ที่ช่วยให้ย้อนเวลาไปก่อนพลาดได้ตลอด เพิ่ม Turbo Mode ที่ไม่ใช่การทำให้เกมเร็วขึ้น แต่เป็นการทำให้เกมไม่ช้าลงเวลาเจอศัตรูเยอะ ๆ หรือตัวใหญ่ ๆ และยังมีการแก้ไขให้แถบดำตรงขอบซ้ายของภาค 3 - 6 หายไปด้วย
MMLC1 นี่ก็จัดว่าเป็นภาคสมบูรณ์ที่สุดสำหรับผมล่ะนะ ตัวช่วยเพียบ ข้อมูลตัวละครครบ ไม่มีอะไรให้ติดค้างเลย (บางคนอยากให้เอาภาค Complete Work ที่ลง PS1 มาทำ แต่ผมว่าแบบนี้แหละดีแล้ว คลาสสิกสุด)
มาดูที่ Legacy Collection 2
สำหรับ MMLC2 ก็เป็นงานที่ทางแคปคอมลงมาดูแลเองมากขึ้น เอาง่าย ๆ ก็ใช้ทีมงานคนละทีมกับ MMLC1 นั่นแหละ (MMLC1 นี่โยนให้ Digital Eclipse ทำให้) ก็เลยไม่แปลกที่อะไรหลาย ๆ อย่างจะเปลี่ยนไปโดย MMLC2 จะบรรจุร็อคแมนในยุคใหม่ 4 ภาคคือ 7 8 9 10 ซึ่งกระจายไปลงหลายเครื่องมากและยังมีสไตล์กราฟิกต่างกัน ทำให้เล่นแล้วได้บรรยากาศหลากหลายไม่ได้เป็นโทนเดียวกันแบบ MMLC1
จุดต่างจาก Mega Man Legacy Collection 1
- ใช้ทีมงานในญี่ปุ่นพัฒนาให้ ไม่ได้จ้างทีมงานฝั่งตะวันตกแบบ LC1 แล้ว
- การเปลี่ยนไปเล่นเกมเวอร์ชัน Rockman ต้องตั้งเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น (จะเปลี่ยนก็จำตำแหน่งดี ๆ นะ เดี๋ยวเปลี่ยนกลับไม่ถูก) ไม่สามารถเลือกได้เลยใน Options แบบ LC1
- ปุ่มเลือกเมนูตั้งค่าระหว่างเล่น เปลี่ยนจาก Back (Select) เป็น LT (L2) แต่ถ้าใครไม่ชินก็สามารถเปลี่ยนได้
- ยังไม่พอ ปุ่มกดเมนูเลือกอาวุธยังเปลี่ยนจาก Start เป็น Back อีก ใครจะไปชิน😫 ไปตั้งใหม่กันเถอะ
- ยังไม่หมด ค่าตั้งต้นของปุ่มยิงรัวอัตโนมัติก็กลายเป็นปุ่ม B (จากปกติต้องปุ่ม Y) แน่นอนว่าถ้าไม่พอใจก็เปลี่ยนได้ (ภาค 8 ไม่มีปุ่มรัวอัตโนมัติ เพราะมีไอเท็มรัวอัตโนมัติในเกมอยู่แล้ว แต่ก็เจอคดีเดียวกันคือตั้งปุ่มยิงอาวุธพิเศษเป็นปุ่ม B แทนที่จะเป็น Y 😑)
- ฟิลเตอร์เหลือแค่อันเดียวคือไม่เปิดก็ปิด ไม่ได้แบ่งเป็น TV กับ Monitor แล้ว (เปิดแล้วก็กึ่ง ๆ TV กับ Monitor นั่นแหละ)
- เพิ่ม Wallpaper ปิดแถบข้างเป็นภาคละ 4 รูป จากที่ LC1 มีแค่ภาคละรูป
- ใน Museum ไม่มีข้อมูลบอสและอาวุธแพ้ทางบอกแล้ว (เห็นว่าภาคคอนโซลแบบแผ่นจะแถมตารางอาวุธแพ้ทางให้ในกล่อง) แต่ยังสามารถกดเข้าไปสู้กับบอสได้อยู่
- การเซฟระหว่างฉาก จะเซฟได้เฉพาะจุดเช็คพอยน์เท่านั้น (คืออยู่ตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าเซฟก็จะเซฟสภาพตอนอยู่ที่เช็คพอยน์ล่าสุด) สามารถกดเซฟเอง หรือให้เซฟอัตโนมัติก็ได้ (เซฟอัตโนมัติจะเซฟให้ตอนมาถึงเข็คพอยน์ล่าสุด แต่ไม่เซฟตอนตายแล้ววนกลับมา)
- Challenge จะไม่มีการมิกซ์ฉากกับบอสข้ามภาคแล้ว แบ่งเป็นภาคใครภาคมันไปเลย (น่าจะเพราะความต่างของกราฟิกนั่นแหละ)
- Boss Rush ใน Challenge จะไม่ได้เรียงลำดับบอสให้เราสู้เรียงตัวแล้ว แต่จะพาไปห้องแคปซูลรวมบอสของแต่ละภาคให้เลือกเอาเองเลย 😅
- เมื่อกดเข้าเกมจะเด้งไปที่ฉากไตเติ้ลเลย ถ้าอยากดู Opening ต้องปล่อยไตเติ้ลไว้เฉย ๆ เดี๋ยวมันก็ขึ้นมา
การปรับ Options ที่หน้าไตเติ้ล จะมีให้เปลี่ยนภาษา (ถ้าอยากเล่น Rockman แทน Mega Man ต้องตั้งเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเมนูก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดไปด้วยนะ😅) เลือกโหมดหน้าจอ โดยเกมนี้ไม่มีตัวเลือกให้ปรับความละเอียดจอนะ ปรับได้แค่ เต็มจอ หน้าต่าง และหน้าต่างแบบไร้ขอบ (Borderless Window) ซึ่งแนะนำแบบหลังสุด จะรันเกมได้มีประสิทธิภาพกว่า คือจริง ๆ มันเป็นการเอาหน้าต่างแบบไร้ขอบมาขยายจนเต็มจอนั่นแหละ (ส่วน Full Screen คือการสลับไปหน้าจอเสมือนอีกจอนึง ซึ่งหลัง ๆ หลายเกมจะมีปัญหาเฟรมเรตตกในโหมดนี้) นอกนั้นก็เปิดปิด Vsync ลบเซฟทั้งหมด (ไอ้เมนูยาว ๆ นั่นแหละ) และเปิดปิด Extra Armor Mode ส่วนการตั้งปุ่มต้องไปตั้งจากหน้า Options ของแต่ละภาคแทน (ตั้งได้ทั้งหน้าก่อนเข้าเกมและระหว่างเล่น)
Extra Armor Mode คือโหมดช่วยเหลือแบบเป็นหนทางสุดท้ายจริง ๆ สำหรับคนเล่นไม่ผ่านซะที😅 พอเปิดแล้วจะทำให้ได้รับความเสียหายน้อยลง โดยต้องแลกมาด้วยการมีไอคอนโล่แปะอยู่ที่มุมซ้ายบนแบบนี้ แต่ไม่มีผลกับการเก็บ Achievement นะ สามารถเปิด/ปิดได้เฉพาะเมนู Options ที่หน้าไตเติ้ล ไม่มีใน Options ในเกมนะ
ส่วนหน้า Options ในเกม (กด LT/L2) ก็จะมีตัวช่วยคือ Checkpoint Save ระบบช่วยเหลือของภาคนี้ โดยจะเซฟให้ในสภาพที่อยู่ตรงเช็คพอยน์ล่าสุด คือถ้าคุณมาถึงเช็คพอยน์ตอนเหลือพลัง 1 ขีด ถ้าเซฟมันก็เซฟตอนพลัง 1 ขีดนั่นแหละ ถ้าไม่ชอบก็ยอมตายให้พลังเต็มแล้วกดเซฟเองใหม่ ก็จะได้สภาพพลังเต็มแล้ว จากนั้นจะโหลดมาบ่อยแค่ไหนก็ได้ตัวไม่ลด ถ้ากลัวลืมเซฟเกมก็มี Auto Save ให้เปิดด้วย โดยจะเซฟให้เฉพาะตอนมาถึงเช็คพอยน์ แต่ตายแล้วย้อนต้องกดเซฟเองนะ
เกมจะปรับหน้าจอได้ 3 แบบ เริ่มจาก Original ภาพจะหดอยู่ตรงกลาง โดยจะหดเยอะแค่ไหนขึ้นอยู่กับความละเอียดของแต่ละภาคและความละเอียดของจอเรา (ถ้า 1080p ก็เล็กหน่อย)
แบบ Full จะขยายภาพแบบคงสัดส่วนเดิมจนเต็มความสูงของจอ แบบนี้ก็เต็มตาดี แต่อาจจะเห็นอาการพิกเซลเหลื่อมหรือไม่ก็เห็นเม็ดพิกเซลชัดเกิน แนะนำให้เปิดฟิลเตอร์ช่วย
แบบ Wide ก็... ยืดภาพเต็มจอแบบไม่สนสัดส่วนใด ๆ เล่นกันแบบยืด ๆ นี่แหละ โดยส่วนตัวผมเกลียดโหมดนี้มาก แต่เห็นหลายคนชอบกันจัง (เห็นคนเล่น FF8 Remastered ก็เรียกร้องโหมดยืดแบบนี้กันนะ😅)
เกมจะมีฟิลเตอร์ให้แบบเดียวคือไม่เปิดก็ปิดนี่แหละ (ต่างจาก MMLC1 กับ MMXLC ที่มีให้เลือก 2 แบบ) โดยเมื่อเปิดก็จะมีเส้น Scanline ขึ้นมาช่วยให้ภาพดูเนียนขึ้นหยักน้อยลง ลองดูด้วยตาเอาเองดีกว่า ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน😁
การตั้งค่าอื่น ๆ ก็มี Background ที่มีให้เลือกภาคละ 4 ลาย โดยถ้าเลือกเบอร์ไหนทุกภาคก็จะเป็นเบอร์นั้นตามหมด (เช่น เลือกภาค 7 เป็นเบอร์ 2 ภาค 8 9 10 ก็จะกลายเป็นเบอร์ 2 ของภาคนั้น ๆ เหมือนกัน) มีให้ตั้งปุ่มได้ทั้งจอยและคีย์บอร์ด มีให้กลับไปไตเติ้ลของภาคนั้น ๆ และออกจากเกมกลับไปเมนูหลัก
โหมด Challenges ในเกมนี้จะเป็นแบบแยกภาคใครภาคมัน ไม่มีมิกซ์รวมแบบ MMLC1 อีกแล้ว (เพราะความต่างมันเยอะเกิน) โดยหลัก ๆ ก็มามุกเดิมคือ เอาบางส่วนของหลาย ๆ ฉากมายำให้เล่นยาวรวดเดียว เอาบอสกลาง บอสหลัก ไวลี่ มาเรียงกันให้สู้ (Boss Rush) แต่คราวนี้โหมด Boss Rush ที่สู้กับบอสหลัก 8 ตัว จะไม่ได้เรียงบอสมาให้เรา แต่จะวาร์ปไปห้องแคปซูลบอสในด่านไวลี่ให้เลือกสู้เอาเองเลย ก็ถือว่าดีนะ ให้ตัดสินใจเองเลย😀 เสียดายไม่มี Boss Rush รวมทุกภาคแบบ MMLC1 นี่แหละ (อันนั้นโหดมาก แต่ชนะแล้วฟินสุด ๆ)
Museum กับ Music Player ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ดูภาพอาร์ตเวิร์คกับฟังเพลง โดยสามารถกดเข้าไปสู้กับบอสหลัก 8 ตัวตอนเลือกภาพบอสได้อยู่ (บอสที่สู้ได้จะเป็นกรอบแดง ต้องกดเข้าไปดูภาพบอสก่อนแล้วกด X) แต่ไม่มีข้อมูลบอสกับอาวุธแพ้ทางบอกแล้ว หาในคู่มือชุมชนเอาเอง😅
ความรู้สึกในแต่ละภาค
เอาจริง ๆ ก็เคยเขียนไปบ้างแล้วในเอ็นทรี่ ความทรงจำกับ Rockman แต่คราวนี้จะเทียบกับการเล่นอันใหม่นี่ด้วยว่ามันพัฒนาขึ้นหรือไม่อย่างไร ใครยังไม่ได้อ่านเอ็นทรี่เก่าลองกลับไปอ่านดูด้วยก็ดีนะ 😊
Rockman 7
สมัยนั้นเป็นภาคที่เหมือนมาผิดเวลานะ คือดันออกมาหลัง Rockman X ที่ทำเอาหลายคนเทใจให้หมดแล้ว พอมาเจอภาค 7 ที่เกมเพลย์เดิม ๆ เพิ่มเติมคือกราฟิก (ที่ผมไม่ค่อยถูกใจกราฟิกตัวร็อคแมนเวอร์ชันนี้เท่าไหร่😅) ก็เลยกลายเป็นภาคที่ไม่ได้อยากเล่นมาก แต่ก็อยากเล่น สุดท้ายพอยุคอีมูเลเตอร์มาก็ได้เล่นสมใจ แต่ว่า.... ตอนนั้นอีมูยังคุณภาพไม่ดี ภาพออกมาแตกและผิดสัดส่วนมาก นอกนั้นยังมีปัญหาเสียงเพี้ยนแบบสุด ๆ อย่างเสียงร็อคแมนกระโดดจะดัง ฟู่ อี๊ด ฟู่ อี๊ด ระคายหูมาก😅 เวลาผ่านไป.. อีมูเลเตอร์ดีขึ้น มีฟิลเตอร์ ปรับสัดส่วนได้ และเสียงก็ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สุด เสียงตอนกระโดดตอนยิงยังคงระคายหูอยู่ดีจนมาที่ MMLC2 นี่ ผมก็ได้สิ่งที่ต้องการ เสียงกระโดดที่ควรจะเป็น "ชึ่บ กริ๊บ" สั้น ๆ สบายหู แม้จะติดปัญหาที่บางเสียงอาจจะเบาไป อย่างเสียงยิงสายฟ้าของ Cloud Man หรือเสียงระเบิดของแท่นระเบิดเวลา แต่ถ้าปรับเสียงดังขึ้นมันก็โอเคขึ้นนะ ปัญหาของภาคนี้ใน MMLC2 ก็คือมันเป็นภาคเดียวที่ไม่มีระบบเซฟใด ๆ อยากเซฟต้องใช้ Checkpoint Save เท่านั้น ไม่งั้นก็จด Password เอาตามเดิม ซึ่ง Password ภาคนี้ก็เก็บข้อมูลครบถ้วนมาก เก็บได้ทั้งจำนวนถังต่าง ๆ จำนวนตัว ยันจำนวนน็อตเลย แถมยังมี Password ลับต่าง ๆ มากมาย (เช่น มีบอส 8 ตัวตั้งแต่แรก ไปไวลี่ด่านสุดท้าย และ โหมดลับสู้กันเอง)
จุดเสียอันยิ่งใหญ่ของภาคนี้คือ ไวลี่ร่างสุดท้ายยากโคตร แถมสู้รอบแรกถ้าดันใช้ถัง E หมดแล้วตาย รอบต่อไปไม่ต้องพูดถึง😅 Checkpoint Save ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะต้องกลับไปสู้กับร่างแรกก่อนทุกครั้ง สุดท้ายผมยอมใช้ Extra Armor เลย ถึงจะจบได้ (แล้วก็เลยรู้ว่ามันได้ Achievement ด้วยแม้จะเปิด Extra Armor นี่แหละ) อ้อ การกดเข้าไปซื้อของในหน้าเลือกบอสนี่ กด Start หรือปุ่มที่ใช้กดเข้าเมนูเลือกอาวุธเอาได้เลยนะ เพราะเกมไม่มีให้ตั้งปุ่ม Select 😐
Rockman 8
ภาคนี้สมัยเล่นอีมูค่อนข้างลำบาก เพราะอีมูเลเตอร์ของเครื่องเพลย์มัน geek มาก แทนที่จะจบในตัว ดันต้องไปสรรหา Plug-in มาหลากหลาย โดยเฉพาะตัวกราฟิกนี่ บางตัวใช้ได้ดีกับเครื่องนี้ พอเปลี่ยนเครื่องหรือการ์ดจอดันไม่เวิร์คซะงั้น ก็ต้องหาไปเรื่อย ๆ ตอนหลังมีปัญหากับจอย PS4 อีก ก็ต้องหา Plug-in จอยใหม่ เว็บ Plug-in ก็เริ่มตาย ๆ กันแล้ว แถมงานที่ออกมาก็เรียกได้ว่าภาพแตกยับ มีสะดุด ระบบเซฟไม่เสถียรอีกต่างหากพอมา MMLC2 นี่คือตอบโจทย์มาก ภาพก็ลงตัว เสียงก็ดี จอยก็ไม่มีปัญหา (ยกเว้นปุ่มยิงอาวุธพิเศษที่ดันไปอยู่ตรงปุ่ม B ต้องตั้งกลับเป็น Y แล้วปกตินี่ปุ่มยิงหลักมันเป็นปุ่มยิงอาวุธพิเศษนี่นา🤔) เล่นได้ลื่น ๆ 60 fps อีกต่างหาก ภาคนี้ถือเป็นภาคที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ มากที่สุด เพราะตัดรัชเดิม ๆ ที่คุ้นเคย เหลือไว้แต่รัชเจ็ทแบบใช้เฉพาะจุด ถัง E ก็ตัดออก เวลาตายพลังอาวุธก็เต็มหมด และมีทางลับเยอะมาก ๆ เพื่อไว้ซ่อนน็อต (จริง ๆ คือ Bolt 😅) ทั้ง 40 อัน ให้เก็บไปแลกไอเท็มพิเศษต่าง ๆ ที่ภาคอื่นไม่เคยมี อย่างชาร์จบัสเตอร์แล้วยิงกระจายเป็น 5 ทิศ ยิงเป็นเลเซอร์ สไลด์เร็วขึ้น ยิงรัวอัตโนมัติ ฯลฯ ซึ่งด้วยน็อต 40 ตัวไม่สามารถซื้อหมดทุกอันได้ ต้องคิดดี ๆ ว่าจะเอาอันไหน และภาคนี้มีตำนานอยู่อย่างนึงคือฉาก Jump Jump Slide Slide ที่ถือว่าเป็น 1 ในสิ่งสุดยากของซีรี่ส์ร็อคแมนเคียงคู่กับไวลี่ร่างสุดท้ายของภาค 7 นั่นแหละ😑
เวอร์ชันที่ซื้อใน Steam จะไม่มีเพลงร้องที่ฉาก Opening กับฉากจบนะครับ แม้จะเปลี่ยนเป็นภาค Rockman ภาษาญี่ปุ่นแล้ว เนื่องจากล็อคไว้ไม่ให้มีปัญหาลิขสิทธิ์ แต่จริง ๆ เขาใส่ไฟล์มาให้ด้วยแหละ แค่ต้องสลับชื่อไฟล์นิดหน่อย อ่านวิธีได้ที่นี่
Rockman 9
เป็นภาคที่ออกทิ้งห่างจากภาค 8 มาก และสร้างกระแสฮือฮาได้มากมายในตอนนั้น เพราะดันย้อนภาพเป็น 8 บิตนี่แหละ คือผมก็เข้าใจเขาแหละ เพราะแฟนใหม่ก็อยากได้แบบ 3D แฟนเก่าก็ว่าแบบภาคเก่าดีกว่า สุดท้ายแม้จะเลือกแฟนเก่า (แบบเก่ามากกกก) แต่ก็ได้พื้นที่สื่อและเป็นที่จดจำไม่น้อย ภาคนี้ผมเพิ่งได้เล่นอีมูก่อนจะซื้อ MMLC2 ไม่นานนัก ตัวอีมูก็มีปัญหาเดียวคือการตั้งจอยงงเป็นบ้า (เพราะเป็นอีมูเครื่อง Wii ที่ดันมีแกน X Y Z อะไรเยอะแยะไปหมด แถมดันตะแคงจอยได้ เวลาตั้งปุ่มทิศทางจะงง ๆ นิดนึง😅)ใน MMLC2 นี่คุณจะพบว่าภาค 9 มีแถบดำซ้ายขวาอยู่ตลอดเวลา โดยที่ Wallpaper ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เนื่องจากไอ้แถบตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอเกมครับ เพราะภาค 9 มันมีบางหน้าจอที่ใช้พื้นที่ตรงแถบดำด้วยนี่แหละ เขาก็เลยจำใจต้องคงแถบดำไว้ ถ้ารำคาญก็ปิด Wallpaper ไป🤗
จุดขายของภาคนี้คือ.... ยากว้อยยยย ยากสุด ๆ ร็อคแมนก็ดันกลับมาสไลด์ไม่ได้ ชาร์จไม่ได้ (เพราะยกให้บลูส์หมด เพื่อสร้างเกมเพลย์ที่แตกต่าง😁) ศัตรูก็โจมตีหนัก กับดักก็โหด เช็คพอยน์แต่ละจุดก็ไกล โอย😫 ตอนเล่นอีมูใช้ Save State ช่วยได้ แต่อันนี้ Checkpoint Save ไม่ค่อยช่วยอะไร เพราะแต่ละจุดมันไกลแถมต้องผ่านกับดักหรือบอสกลางโหด ๆ นี่แหละ ยังดีที่ถัง E กับ W กลับมาแล้ว และมีปุ่มรัวอัตโนมัติช่วยอีกทาง แต่ไม่รู้ใช้ Extra Armor ช่วยจะเล่นจบหรือเปล่า😅 ที่ชอบสุดสำหรับภาคนี้คือเพลงฉากจบเพราะมาก😆
Rockman 10
ภาคที่คนน่าจะลืม ๆ กันไปมากที่สุด เพราะดันใช้ท่าไม้ตายเดิมครั้งที่ 2 ซึ่งมันใช้กับเซนต์ไม่ได้ผล (มุกอะไรเนี่ย😅) เอาจริง ๆ ผมยังจำบอสกับอาวุธภาคนี้ไม่หมดเลยนะ ภาคนี้มีการแก้ปัญหาความยากของภาค 9 ที่ยากจนหลายคนเข้าไม่ถึง ด้วยการเพิ่ม Easy Mode มาให้แต่ต้นเลย ส่วนใครที่คิดว่า Normal ท้าทายไม่พอก็มีโหมด Hard ให้ แต่ต้องจบเกมก่อนรอบนึง อ้อ แถบดำด้านข้างก็เอาออกไปแล้วด้วยนะและด้วยโหมด Easy ทำให้เกมภาคนี้สามารถกลับไปเล่นเพลิน ๆ แบบ 6 ภาคแรกได้อีกครั้ง (จริง ๆ Normal ก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ) กับดักก็สบาย ๆ บอสกลางก็ชิล ๆ ก็จัดเป็นภาคที่ลงตัวดีภาคนึง เสียตรงสไลด์กับชาร์จของร็อคแมนยังคงไม่กลับมา เพราะยกให้บลูส์ไปแล้วไง แต่บลูส์ก็ติดปัญหาตัวบาง ได้รับความเสียหายมากกว่าร็อคแมน 2 เท่า ซ้ำยังรัวบัสเตอร์ได้น้อยกว่า ถ้าไม่พอก็มีฟอร์เต้ (Bass) มาให้เล่นอีกตัว (ต้องเล่นจบถึงจะปลดล็อค หรือกดสูตรเอา) โดยฟอร์เต้จะยิงรัวอัตโนมัติเป็นปกติ แดชได้ แถมรวมร่างกับกอสเปล (Treble) แล้วบินอิสระได้แบบโกงสุด ๆ
ก็เป็นภาคที่สนุกน่าจดจำภาคนึง แต่ทำไมถึงจำอะไรไม่ค่อยได้เลยนะ😅 อ้อ จุดพิเศษของภาคนี้คือมีโหมด Challenge เป็นด่านพิเศษในตัว (แยกจากของ MMLC2 อีกที) มีโหมด Endless ที่ให้เล่นไปเรื่อย ๆ ว่าจะไปได้กี่ห้องก่อนตาย และ Special Stage ที่เอาฉากและบอสจาก Rockman World 1 3 4 มาให้เล่นด้วย (เดิมทีพวกฉากพวกนี้กับฟอร์เต้เป็น DLC แต่ MMLC2 รวมมาให้แล้ว) พวกนี้เหมือนต้องเล่นจบก่อนหรือกดสูตรถึงจะเล่นได้นะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น