Firefox Browser 70 ชื่อใหม่ โลโก้ใหม่ มีแต่อะไรใหม่ ๆ
ก็กลับมาพบกันอีกครั้งกับเอ็นทรี่แจ้งข่าวการอัพเดต Firefox ที่เราจะมาพบกันประจำเมื่อ Firefox มีอัพเดตตามรอบของมัน (ซึ่งปีหน้าเขาว่าจะถี่ขึ้น 😂) และครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก
เริ่มกันตั้งแต่หน้าเกี่ยวกับเลย จะเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลง 2 อย่างคือ โลโก้เปลี่ยนไป หมาไม่มีแขน หางพองขึ้น และลูกโลกที่เล็กลงกว่าเดิม สะท้อนให้เห็นถึงภาวะโลกร้อนที่รุนแรงกว่าเดิม😀 และอีกอย่างที่เปลี่ยนคือ ชื่อ ที่เปลี่ยนจาก Firefox Quantum ที่ใช้กันมาเกือบ 2 ปี กลายเป็น Firefox Browser แทน ด้วยเหตุที่ว่าชื่อ Firefox ไม่ได้หมายถึงเว็บเบราว์เซอร์อย่างเดียวแล้ว ตัวเบราว์เซอร์จึงต้องมีการกำกับด้วยว่าเป็นเบราว์เซอร์นะ
หลัก ๆ ก็มีให้กดเข้าไปดู Release Notes ดูรายงานการปิดกั้น และแนะนำให้รู้จัก Firefox Lockwise
หากกดดูรายงานการปิดกั้น หรือเข้า เมนูหลัก > การปกป้องความเป็นส่วนตัว ก็จะเจอหน้ารายงานแบบภาพข้างบนนี้ (ซึ่งตอนนี้ยังแปลไทยไม่หมด 😅) มีกราฟให้ดูว่า 1 สัปดาห์มานี่แต่ละวันบล็อคอะไรไปเท่าไหร่ ล่างกราฟมีแสดงจำนวนการบล็อคตัวติดตามแบบต่าง ๆ สามารถคลิกดูคำอธิบายของตัวติดตามแต่ละแบบได้ (ไอคอนตัวติดตามสังคมออนไลน์นี่แสบมาก Firefox นี่เขากัด Facebook ไม่ปล่อยเลยแหละ🤗)
เลื่อนลงมาข้างล่างก็จะแสดงข้อมูลของ Firefox Monitor (ที่ตอนนี้ยังล็อกอินไม่ได้) กับ Firefox Lockwise
Firefox Lockwise เป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของหน้าจัดการการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่าน ที่เดิมเป็นหน้าต่างเล็ก ๆ โง่ ๆ มาตอนนี้จะเป็นเหมือนหน้าเว็บเต็มรูปแบบ มีรายชื่อเว็บที่เราให้จำรหัสอยู่ทางซ้าย และแสดงข้อมูลการล็อกอินไว้ทางขวา และมีโฆษณาแอพ Lockwise อยู่ข้างล่าง ให้เราพาข้อมูลล็อกอินไปใช้ในมือถือได้
โดยหลังจากอัพเกรดเป็น Lockwise แล้ว ฟีเจอร์เกี่ยวกับรหัสผ่านใน Firefox ก็พัฒนาขึ้นด้วย เช่น เวลาสร้างแอคเคาท์หรือเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ เราสามารถคลิกขวาที่ช่องกรอกรหัสผ่านแล้วเลือกเมนู กรอกรหัสผ่าน > ใช้รหัสผ่านที่สร้างขึ้นอย่างปลอดภัย เพื่อให้ Firefox สร้างรหัสผ่านแบบปลอดภัยและจะบันทึกไว้ให้ทันที โดยหลังจากสร้างรหัสในช่องกรอกรหัสแล้ว สามารถคลิกขวาแล้วเลือกเมนูเดียวกันเพื่อกรอกรหัสเดียวกันที่ช่อง Confirm ได้เลย 😊
ย้อนกลับไปที่การป้องกันการติดตาม ถ้าคลิกที่ไอคอนโล่หน้าแถบที่อยู่ จะพบเมนูป้องกันการติดตามที่ปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่น 69 มาเล็กน้อย และมีการย้ายการตั้งสิทธิอนุญาต (ตั้งการแจ้งเตือน การเล่นอัตโนมัติ) ออกไปอยู่ที่อื่น (อยู่กับกุญแจน่ะแหละ) เพื่อโฟกัสกับการป้องกันการติดตามอย่างเต็มที่
นั่นคือชื่อเขียวที่ใช้ยืนยันว่านี่เป็นเว็บที่เราต้องการใช้บริการของจริงแท้แน่นอน ซึ่งเขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "ใบรับรอง EV" แต่ข่าวร้ายคือ ตั้งแต่รุ่นนี้เจ้าชื่อเขียวนี้จะไม่มีให้คุณมองหาอีกต่อไป...
ในเวอร์ชัน 70 มันจะกลายเป็น URL ธรรมดา โล้น ๆ เกลี้ยง ๆ ไปแล้วครับ ซ้ำกุญแจเขียวยังเหลือแค่กุญแจเทาด้วย
ถ้าต้องการจะดูจริง ๆ ก็ต้องกดที่กุญแจเทานั่นแหละ ก็จะมีให้ดูชื่อผู้ขอใบรับรองหรือชื่อเขียวเดิมให้ดู (ถ้าเว็บไหนเป็นกุญแจเฉย ๆ ไม่มีชื่อเขียว ตรงนี้จะขึ้นแค่การเชื่อมต่อปลอดภัย แต่ไม่มีบอกว่าออกใบรับรองให้กับใคร)
ถ้าถามว่าทำไมเขาจึงเอาชื่อเขียวนี่ออก ก็เพราะว่ามันสามารถปลอมแปลงได้แล้วไงครับ ลองนึกถึงผลิตภัณฑ์นึงที่มีของก็อปเยอะมาก ต่อมาผู้ผลิตจึงปรับปรุงแพ็คเกจให้สังเกตได้ง่ายว่าเป็นของจริง เช่น "ของแท้โลโก้ต้องเป็นตัวนูนพิมพ์สีเขียวเมทัลลิคเท่านั้น!" ผู้ซื้อที่อยากได้ของแท้ก็คอยมองตัวนูนพิมพ์เขียวเมทัลลิคนี่เสมอมา.... แต่วันหนึ่งผู้ผลิตของปลอมก็สามารถทำโลโก้ตัวนูนเขียวเมทัลลิคได้สำเร็จ ผู้ซื้อเห็นโลโก้นูนเขียวเมทัลลิคก็หยิบเลย ไม่ได้สนใจว่าชื่อมันพิมพ์ผิดด้วยซ้ำ นั่นแหละ นึกภาพออกนะ 😅
สรุปว่าต่อจากนี้ต้องรอบคอบมากขึ้น มอง URL ให้ดี (ซึ่งเขาจะเน้นโดเมนหลักให้มองง่าย ๆ อยู่แล้ว) กดกุญแจเข้าไปดูว่าใบรับรองออกให้กับใคร สังเกตสภาพเว็บว่าดูน่าเชื่อถือมั้ย อาจจะลำบากขึ้น แต่นี่คือสิ่งที่เราต้องระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยในโลกที่โหดร้าย 😥
หน้าตัวเลือกธีมมืด ๆ เข้มซะไม่มีละ
หน้าจัดการส่วนเสริมก็เข้มเหมือนกัน
Firefox ก็ยังคงเอาจริงกับการปิดกั้นการติดตามต่อไป ซึ่งฝั่งกูเกิลจะไม่ได้เน้นเรื่องนี้เท่า แต่ที่เริ่มเน้นกันทั้งคู่ก็เรื่องการจัดการรหัสผ่าน ไม่รู้พวกบริการจำรหัสผ่านเจ้าอื่น ๆ จะมีที่ยืนมั้ยเนี่ย 😅
เริ่มกันตั้งแต่หน้าเกี่ยวกับเลย จะเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลง 2 อย่างคือ โลโก้เปลี่ยนไป หมาไม่มีแขน หางพองขึ้น และลูกโลกที่เล็กลงกว่าเดิม สะท้อนให้เห็นถึงภาวะโลกร้อนที่รุนแรงกว่าเดิม😀 และอีกอย่างที่เปลี่ยนคือ ชื่อ ที่เปลี่ยนจาก Firefox Quantum ที่ใช้กันมาเกือบ 2 ปี กลายเป็น Firefox Browser แทน ด้วยเหตุที่ว่าชื่อ Firefox ไม่ได้หมายถึงเว็บเบราว์เซอร์อย่างเดียวแล้ว ตัวเบราว์เซอร์จึงต้องมีการกำกับด้วยว่าเป็นเบราว์เซอร์นะ
มีอะไรใหม่
สิ่งหนึ่งที่เพิ่มมาคือ มีอะไรใหม่ ใช่ มันคือ "มีอะไรใหม่" ที่จะอยู่ในเมนู "มีอะไรใหม่" ซึ่งตอนเพิ่งอัพเดตใหม่ ๆ มันจะเด้งเป็นไอคอนรูปกล่องของขวัญในแถบเครื่องมือด้วยหลัก ๆ ก็มีให้กดเข้าไปดู Release Notes ดูรายงานการปิดกั้น และแนะนำให้รู้จัก Firefox Lockwise
หากกดดูรายงานการปิดกั้น หรือเข้า เมนูหลัก > การปกป้องความเป็นส่วนตัว ก็จะเจอหน้ารายงานแบบภาพข้างบนนี้ (ซึ่งตอนนี้ยังแปลไทยไม่หมด 😅) มีกราฟให้ดูว่า 1 สัปดาห์มานี่แต่ละวันบล็อคอะไรไปเท่าไหร่ ล่างกราฟมีแสดงจำนวนการบล็อคตัวติดตามแบบต่าง ๆ สามารถคลิกดูคำอธิบายของตัวติดตามแต่ละแบบได้ (ไอคอนตัวติดตามสังคมออนไลน์นี่แสบมาก Firefox นี่เขากัด Facebook ไม่ปล่อยเลยแหละ🤗)
เลื่อนลงมาข้างล่างก็จะแสดงข้อมูลของ Firefox Monitor (ที่ตอนนี้ยังล็อกอินไม่ได้) กับ Firefox Lockwise
Firefox Lockwise เป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของหน้าจัดการการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่าน ที่เดิมเป็นหน้าต่างเล็ก ๆ โง่ ๆ มาตอนนี้จะเป็นเหมือนหน้าเว็บเต็มรูปแบบ มีรายชื่อเว็บที่เราให้จำรหัสอยู่ทางซ้าย และแสดงข้อมูลการล็อกอินไว้ทางขวา และมีโฆษณาแอพ Lockwise อยู่ข้างล่าง ให้เราพาข้อมูลล็อกอินไปใช้ในมือถือได้
โดยหลังจากอัพเกรดเป็น Lockwise แล้ว ฟีเจอร์เกี่ยวกับรหัสผ่านใน Firefox ก็พัฒนาขึ้นด้วย เช่น เวลาสร้างแอคเคาท์หรือเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ เราสามารถคลิกขวาที่ช่องกรอกรหัสผ่านแล้วเลือกเมนู กรอกรหัสผ่าน > ใช้รหัสผ่านที่สร้างขึ้นอย่างปลอดภัย เพื่อให้ Firefox สร้างรหัสผ่านแบบปลอดภัยและจะบันทึกไว้ให้ทันที โดยหลังจากสร้างรหัสในช่องกรอกรหัสแล้ว สามารถคลิกขวาแล้วเลือกเมนูเดียวกันเพื่อกรอกรหัสเดียวกันที่ช่อง Confirm ได้เลย 😊
ย้อนกลับไปที่การป้องกันการติดตาม ถ้าคลิกที่ไอคอนโล่หน้าแถบที่อยู่ จะพบเมนูป้องกันการติดตามที่ปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่น 69 มาเล็กน้อย และมีการย้ายการตั้งสิทธิอนุญาต (ตั้งการแจ้งเตือน การเล่นอัตโนมัติ) ออกไปอยู่ที่อื่น (อยู่กับกุญแจน่ะแหละ) เพื่อโฟกัสกับการป้องกันการติดตามอย่างเต็มที่
ชื่อเขียวที่หายไป
ก่อนหน้านี้เวลาเข้าเว็บที่ต้องการความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะเว็บที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ หลายคนมักจะเหลือบดูบริเวณหน้าแถบที่อยู่ เพื่อมองสิ่งหนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่าไม่ได้เข้าผิดเว็บนั่นคือชื่อเขียวที่ใช้ยืนยันว่านี่เป็นเว็บที่เราต้องการใช้บริการของจริงแท้แน่นอน ซึ่งเขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "ใบรับรอง EV" แต่ข่าวร้ายคือ ตั้งแต่รุ่นนี้เจ้าชื่อเขียวนี้จะไม่มีให้คุณมองหาอีกต่อไป...
ในเวอร์ชัน 70 มันจะกลายเป็น URL ธรรมดา โล้น ๆ เกลี้ยง ๆ ไปแล้วครับ ซ้ำกุญแจเขียวยังเหลือแค่กุญแจเทาด้วย
ถ้าต้องการจะดูจริง ๆ ก็ต้องกดที่กุญแจเทานั่นแหละ ก็จะมีให้ดูชื่อผู้ขอใบรับรองหรือชื่อเขียวเดิมให้ดู (ถ้าเว็บไหนเป็นกุญแจเฉย ๆ ไม่มีชื่อเขียว ตรงนี้จะขึ้นแค่การเชื่อมต่อปลอดภัย แต่ไม่มีบอกว่าออกใบรับรองให้กับใคร)
ถ้าถามว่าทำไมเขาจึงเอาชื่อเขียวนี่ออก ก็เพราะว่ามันสามารถปลอมแปลงได้แล้วไงครับ ลองนึกถึงผลิตภัณฑ์นึงที่มีของก็อปเยอะมาก ต่อมาผู้ผลิตจึงปรับปรุงแพ็คเกจให้สังเกตได้ง่ายว่าเป็นของจริง เช่น "ของแท้โลโก้ต้องเป็นตัวนูนพิมพ์สีเขียวเมทัลลิคเท่านั้น!" ผู้ซื้อที่อยากได้ของแท้ก็คอยมองตัวนูนพิมพ์เขียวเมทัลลิคนี่เสมอมา.... แต่วันหนึ่งผู้ผลิตของปลอมก็สามารถทำโลโก้ตัวนูนเขียวเมทัลลิคได้สำเร็จ ผู้ซื้อเห็นโลโก้นูนเขียวเมทัลลิคก็หยิบเลย ไม่ได้สนใจว่าชื่อมันพิมพ์ผิดด้วยซ้ำ นั่นแหละ นึกภาพออกนะ 😅
สรุปว่าต่อจากนี้ต้องรอบคอบมากขึ้น มอง URL ให้ดี (ซึ่งเขาจะเน้นโดเมนหลักให้มองง่าย ๆ อยู่แล้ว) กดกุญแจเข้าไปดูว่าใบรับรองออกให้กับใคร สังเกตสภาพเว็บว่าดูน่าเชื่อถือมั้ย อาจจะลำบากขึ้น แต่นี่คือสิ่งที่เราต้องระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยในโลกที่โหดร้าย 😥
ดำทุกหน้า บอกเลย
ที่ผ่านมา Firefox พยายามเพิ่มส่วนที่รองรับ Dark Theme มาเรื่อย ๆ แต่พวกหน้าหลัก ๆ ภายในตัว Firefox เอง เช่น หน้าตัวเลือก หน้าส่วนเสริม กลับไม่ดำซะที เพิ่งมาดำเวอร์ชันนี้แหละหน้าตัวเลือกธีมมืด ๆ เข้มซะไม่มีละ
หน้าจัดการส่วนเสริมก็เข้มเหมือนกัน
ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
- ปรับปรุงตัวแปล Javascript ให้เร็วขึ้น เพื่อให้รับมือกับเว็บในปัจจุบันที่มีโค้ดขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บมากขึ้นราว ๆ 8 เปอร์เซ็นต์
- ปล่อย WebRender ให้ผู้ใช้ GPU Intel บน Windows ที่ใช้ความละเอียด 1920x1200 หรือต่ำกว่าแล้ว (ได้ใช้กันครบ ๆ ซะที)
- ปรับปรุง Firefox บน macOS ให้ใช้พลังงานน้อยลง โหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ และลดการใช้ทรัพยากรสำหรับวิดีโอลงถึง 37 เปอร์เซ็นต์
- สามารถนำเข้ารหัสผ่านจาก Chrome บน macOS ได้แล้ว
- อื่น ๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Release Notes และ Firefox 70 มาพร้อมโลโก้ใหม่ และบล็อคโซเชียลในตัว
ปิดท้าย
ใครเห็น Firefox เลิกแสดงชื่อเขียวแล้วคิดว่า "หนีไปใช้โครมก็ได้ฟระ" รีบถอยกลับมาได้เลยครับ เพราะโครมก็เลิกแสดงไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว (เวอร์ชัน 77) เหตุผลอีกอย่างที่เขายกมาก็คือ คนสังเกตชื่อเขียวนี่น้อยกว่าที่คิด ซึ่งก็จริงครับ เพราะผมกะว่าตอนโครมเอาชื่อเขียวออกต้องมีคนตั้งกระทู้บ่นตรึมแน่ ๆ แล้วผมจะได้เอามาเขียนเอ็นทรี่อธิบาย ที่ไหนได้ ไม่มีแม้แต่กระทู้เดียว😅Firefox ก็ยังคงเอาจริงกับการปิดกั้นการติดตามต่อไป ซึ่งฝั่งกูเกิลจะไม่ได้เน้นเรื่องนี้เท่า แต่ที่เริ่มเน้นกันทั้งคู่ก็เรื่องการจัดการรหัสผ่าน ไม่รู้พวกบริการจำรหัสผ่านเจ้าอื่น ๆ จะมีที่ยืนมั้ยเนี่ย 😅
เวอร์ชัน 71 พบกัน 3 ธันวาคม 2562
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น