เมื่อผมใช้มือถือซัมซุง (Galaxy J4+)
ไม่อยากเชื่อเลยว่าบล็อกนี้จะอยู่มานานจนผมเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องที่ 3 ได้ และทุกเครื่องดันเป็นยี่ห้อที่ผมยี้มาก่อนทั้งนั้น! ไม่ว่าจะเป็น Nokia ที่แต่ก่อนเกลียดที่มันซอยรุ่นย่อยเกิน (ยุคฟีเจอร์โฟน) สุดท้ายก็ใช้ Lumia 520 ไหนจะ i-mobile ที่เห็นเขาว่าพังง่าย สุดท้ายก็มาใช้ IQ II ที่เป็น Android One (ส่วนใหญ่จะใช้เพราะ OS ทั้งนั้นเลยนะ 😅) และคราวนี้ก็...
คราวนี้ก็เป็นยี่ห้อที่ผมยี้มายาวนาน มองข้ามมันทุกครั้งที่หามือถือใหม่ ซัมซุงนั่นเอง! ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับใจมาเลือกมัน จะยังไงนั้นก็อ่านกันต่อไป แต่บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้มารีวิวแบบเจาะลึกรายละเอียดนัก เพราะมีคนเขารีวิวไปหมดแล้วทั้งแบบภาพนิ่งและคลิป เอาชื่อ Galaxy J4+ (หรือ J4 Plus) ไปหาในกูเกิลในยูทูบเจอเยอะแยะ ขอเล่าด้านการใช้งานนิดหน่อยพอ
แต่นอกจากการย้ายไฟล์ช้านรกแตกแล้ว อีกจุดนึงที่ทำให้ผมหมดความอดทนจริง ๆ เพราะมันเป็นกิจกรรมที่ต้องทำทุกวัน นั่นคือ การไถไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ จากเดิมที่มันเป็นสถานที่เดียวที่ลื่นปื้ด ๆ แต่มาช่วงหลังมันดันอืดจับใจ จากเดิมที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที มันกลับเป็นชั่วโมง ผมต้องนอนดึกขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมัน เลยตัดสินใจว่า เอาฟระ ได้เวลาเปลี่ยนแล้วละ ซึ่งก็โชคดีที่ผมเปลี่ยนทันเวลา เพราะพอขึ้นปี 2019 คนที่ผมติดตามอยู่คนนึงแกก็รีทวิตอย่างบ้าคลั่ง บางวันเป็นร้อยทวิต จะเลิกตามก็ตกข่าว โชคดีที่เครื่องใหม่ทำให้ไถไทม์ไลน์ได้อย่างรวดเร็วลื่นไหล แบบว่าแป็บ ๆ หมดแล้ว ว้า ไม่สะใจเลย😆
แล้วก็มาเจอ Galaxy J4+ เอาช่วงท้าย ๆ ของการตัดสินใจนี่แหละ คือเป็นเครื่องสุดท้ายเลยที่หาข้อมูล ราคามันอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่ม (4690 บาท) ให้ Snapdragon ด้วย ซ้ำดีไซน์ตัวเครื่องมันแบบ ชนะหมดทุกเครื่องที่กล่าวมาเลยครับ 😆
ซึ่ง Galaxy J รุ่นก่อน ๆ มันจะกั๊กกว่านี้ แบบชอบตัดสเป็คขาด ๆ เกิน ๆ แต่ราคาแพงกว่าชาวบ้าน พอมารุ่นนี้กลับกลายเป็นสเป็คเท่าชาวบ้านแต่ราคาแพงกว่าแทน (เข้าใจนะ มันไม่เหมือนกันนะ😅) หน้าตาที่เคยตกยุคไป 3 ปี ก็อัพมาเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาอย่างมาก เลิกใช้ปุ่มนอกจอ ปรับจอเป็น HD+ สัดส่วน 18.5:9 หรือจอยาวตามสมัยนิยม ฝาหลังทำเป็นเหมือนกระจก (แต่เป็นโพลีคาบอร์เนต) ซ้ำยังให้ Android 8.1 แล้วคอมเฟิร์มอัพเดตเป็น Pie อีก (มาเดือนพฤษภาคม)
สุดท้ายแล้วผมก็ซื้อ Galaxy J4+ มาเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องที่ 3 ในวันที่ 7 พ.ย. 2561 ในสภาพกล่องสีฟ้า ๆ แบบนี้ ไม่มีปลอกลาย BNK48 แต่อย่างใด... (คงแล้วแต่ร้านว่าเอาแบบไหนมาขายแหละ เห็นโชว์ทั้ง 2 แบบ)
สัมผัสแรกคือ... มันมันวาวทั้งเครื่องเลย จะจอหน้า ฝาหลัง ขอบข้าง มันมันวาวไปหมด โดยสัมผัสของฝาหลังจะฝืด ๆ หน่อย ส่วนหน้าจอจะเคลือบสารอะไรสักอย่างทำให้ลื่นมาก แถมเวลามีรอยนิ้วมือบนจอจะเห็นเป็นเหมือนหมอกจาง ๆ ไม่ได้เป็นคราบสีรุ้งที่แสนระคายตาเวลาดูคลิป ซ้ำยังเช็ดออกง่ายมาก แต่ทุกอย่างมันก็จบ เมื่อ 2 สัปดาห์ต่อมาผมตัดสินใจไปติดกันรอย (ต้องติดทั้งหน้าและหลัง) จอกลายเป็นคราบสีรุ้ง ฝาหลังกลายเป็นเทือกเช็ดยาก อยากเอากันรอยออกสุด ๆ แต่ก็กลัวเป็นรอย 😅
ฝาหลังมันวาวนี่ ถ้าส่องดี ๆ (ในภาพถ่ายมาไม่เห็นหรอก) จะเห็นเท็กเจอร์เป็นจุด ๆ ตาราง ๆ อยู่ใต้กระจก สวยมาก ทำเอาไม่อยากใส่เคสเลย ตำแหน่งปุ่มกดต่าง ๆ จะแปลกไปจากมือถือแอนดรอยด์สมัยนี้สักหน่อย คือเอาปุ่มโวลลุ่มไปไว้ฝั่งซ้าย (หรือจะอยากให้เหมือน iPhone ?) แล้วเอาลำโพงไปไว้ฝั่งขวาแทนตำแหน่งโวลลุ่มนั่นแหละ เออ แปลกดี ขอบล่างจะมีช่อง MicroUSB กับหูฟัง แล้วก็รูไมค์ แค่นั้น การใส่ซิมและ Micro SD จะใช้เป็นถาดหมด เปิดฝาหลังไม่ได้แล้วตามสมัยนิยม
แอพที่บันเดิลมา นอกจากอะไรต่อมิอะไรของซัมซุงและกูเกิลแล้ว ก็จะมี Facebook, Lazada (ในภาพลบไปแล้ว), BNK48 (ลบไม่ได้นะ ทำได้แค่ปิดการทำงานพื้นหลัง ถ้าอยากลบให้ได้จริง ๆ ไปซื้อรุ่นอื่นเถอะ) และแอพของไมโครซอฟท์ คือ Word Excel PowerPoint OneDrive และ LinkedIn (พวกนี้ส่วนใหญ่ลบการอัพเดตได้ ลบแล้วจะเหลือเฉลี่ยแอพละ 10 เม็ก) ซึ่งเพราะไปจับมือกับไมโครซอฟท์นี่แหละ ฝั่งกูเกิลเลยไม่มีพวกแอพ Google Docs มาให้ อ้อ OneDrive นี่จะมีโบนัสพื้นที่ 100 GB ฟรี 2 ปีด้วยนะ (ไม่รู้มีหมดเขตมั้ย)
จุดขายของมือถือซัมซุงคือจะมีแอพ Galaxy Gift เป็นพวกคุปองส่วนลดต่าง ๆ ติดมาด้วย ซึ่งตอนที่ผมซื้อนี่ได้โค้ดดู iflix ฟรี 6 เดือนด้วย (ตอนนี้น่าจะหมดเขตไปแล้ว) หมดไป 3 เดือนแล้วยังไม่ว่างดูเลย 😅
พื้นที่ว่างในเครื่องถ้าพยายามลบทุกอย่างที่ลบได้แล้ว น่าจะเหลือสัก 10 กิ๊ก (ดูตรงพื้นที่ว่างพร้อมใช้งาน)
มือถือซัมซุงนี่ไม่สามารถแปลง SD Card เป็น Internal Storage หรือที่เรียกว่า Adoptable Storage ได้ แต่สามารถย้ายบางแอพไป SD Card ได้ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > แอพ กดไปที่แอพที่ต้องการย้าย จากนั้น
แบตเตอรี่ให้มา 3300 mAh ใช้ได้นานกว่าที่คิด เมื่อก่อนตอนไปข้างนอกนี่พยายามไม่ใช้มือถือเล่นอะไรมาก แต่ตอนนี้เล่นเกมเบา ๆ ฆ่าเวลาได้เป็นชั่วโมงเลย 😁
ตั้งแต่มี iPhone X สมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ก็เริ่มหันมาเอาจริงเรื่องปลดล็อคด้วยใบหน้ากันมากขึ้น แม้แต่พวกรุ่นต่ำกว่า 4000 ก็ยังพยายามใส่มา J4+ ก็ไม่เว้น แถมปลดล็อคได้จริงด้วย (จริง ๆ IQ II ก็มีปลดล็อคด้วยใบหน้า เป็นฟีเจอร์ที่ติดมากับ Pure Android แต่ใช้จริงไม่ได้ 😅) ที่แปลกใจคือมันปลดล็อคในที่มืดได้ด้วย โดยไม่ได้ใช้แฟลชกล้องหน้าช่วย แต่ใช้วิธีเร่งความสว่างหน้าจอเอา (ซึ่งถ้าใช้ภาพหน้าจอล็อกเป็นสีดำจะปลดล็อกไม่ค่อยได้) แม้จะปิดการจำแนกแบบเร็วก็ยังปลดล็อคได้นะ
เครื่องนี้ก็ไม่คิดมากอะไร จัดหน้าจอเรียบ ๆ แบบนี้แหละ ตั้งแต่ใช้เดือนแรกก็อยู่สภาพนี้ไม่ค่อยเปลี่ยน ส่วนตัวผมว่าตัว Launcher ของซัมซุงนี่มันลงตัวดีมากเลย (ของ Huawei จะมีบางอย่างดูไม่ค่อยเนี้ยบอยู่) แบบว่าไปเอาพวก Nova Launcher หรือ Microsoft Launcher มาใช้แล้วขัดใจไปหมด ติดแค่ไอค่อนตรง Dock ข้างล่างซึ่งปกติเขาไม่มีชื่อใต้ไอค่อนกัน ไอ้นี่ดันมี แล้วเวลาเอาแอพชื่อยาว ๆ ใส่ไป มันจะมีจุดจุดจุดต่อท้าย (เพราะแสดงชื่อ 2 บรรทัดไม่ได้) ทำให้อยากเอาบางแอพไปวางก็วางไม่ได้มันขัดตา 😅 ได้ข่าวว่า One UI ที่จะมากับ Android Pie มันจะตัดชื่อใต้ไอค่อนตรงนี้ออกแล้ว ขอให้ได้จริงเถอะ😊
กล้องนี่ตอนใช้ใหม่ ๆ ขัดใจพอดู เพราะการโฟกัส การปรับแสง อะไร ๆ มันผิดแผกไปจากเครื่องก่อนหมด จากจิ้มแล้วรอโฟกัส ก็กลายเป็นโฟกัสแล้วต้องถ่ายเลย การถ่ายกล้องหน้าเหมือนมีบั๊กอยู่อย่างนึงคือ ถ้าเลือกโหมดโฟกัสสำหรับเซลฟี่ พอถ่ายแล้วเหมือนจะถ่ายติด แต่ภาพกลับไม่ถูกบันทึกซะงั้น ส่วนโหมดอื่นไม่มีปัญหานี้แต่อย่างใด
จุดที่ชอบ
จุดที่ไม่ค่อยพอใจ
สรุปว่า.... แค่ลื่นกับตัวเครื่องสวยก็บุญแล้วครับ 😁
ทำไมถึงซื้อใหม่?
เอาจริง ๆ ผมก็ตั้งเป้าว่าจะใช้เครื่องเก่า (i-mobile IQ II ที่เป็น Android One รุ่นแรกในไทย) แค่ 2 ปี เพราะมั่นใจว่า i-mobile เนี่ยไม่น่าจะใช้ทนถึง 3 ปีได้ ซึ่งผลออกมาก็คือ 2 ปีกว่าก็ยังไม่พัง แต่มันทนใช้ต่อไม่ได้จริง ๆ เพราะ Storage มันช้าลงมาก แค่จะย้ายรูปไม่กี่สิบรูปลง SD Card ยังใช้เวลานานร่วมสิบนาที แล้วเวลาย้ายนี่เครื่องจะร้อนมากแถมกินแบตสุด ๆ จึงต้องย้ายทีละชุด ย้ายเสร็จต้องพักให้เครื่องเย็นแล้วค่อยย้ายต่อ บางวันเครื่องไม่ไหวก็ต้องรอต่อวันพรุ่งนี้ กว่าจะย้ายหมดใช้เวลาร่วมเดือนเลยครับ😑แต่นอกจากการย้ายไฟล์ช้านรกแตกแล้ว อีกจุดนึงที่ทำให้ผมหมดความอดทนจริง ๆ เพราะมันเป็นกิจกรรมที่ต้องทำทุกวัน นั่นคือ การไถไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ จากเดิมที่มันเป็นสถานที่เดียวที่ลื่นปื้ด ๆ แต่มาช่วงหลังมันดันอืดจับใจ จากเดิมที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที มันกลับเป็นชั่วโมง ผมต้องนอนดึกขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมัน เลยตัดสินใจว่า เอาฟระ ได้เวลาเปลี่ยนแล้วละ ซึ่งก็โชคดีที่ผมเปลี่ยนทันเวลา เพราะพอขึ้นปี 2019 คนที่ผมติดตามอยู่คนนึงแกก็รีทวิตอย่างบ้าคลั่ง บางวันเป็นร้อยทวิต จะเลิกตามก็ตกข่าว โชคดีที่เครื่องใหม่ทำให้ไถไทม์ไลน์ได้อย่างรวดเร็วลื่นไหล แบบว่าแป็บ ๆ หมดแล้ว ว้า ไม่สะใจเลย😆
แล้วก็ไปซื้อใหม่
ในตอนแรกนั้น ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิม คือเมื่อจะเลือกซื้อมือถือ ก็จะตัดซัมซุง Oppo Vivo ออกไปก่อนเลย และมือถือที่เล็งไว้ตอนแรกมีดังนี้ (เป็นการหาข้อมูลช่วงพฤศจิกายน 2561)- Huawei Y5 Prime 2018 - เป็นมือถือในกลุ่มราคาต่ำกว่า 4000 ที่เล็งไว้ตัวแรกเลย อันเนื่องมาจากเห็นพี่กับแม่ใช้ Y6II รุ่นปี 2016 แบบสมบุกสมบันมาก แต่มันยังไม่เป็นไร เรียกว่าทนใช้ได้เลย แต่หลังจากลองเล่นเครื่องจริงแล้วพบว่า 3 ใน 5 เครื่องมันจะอืด ๆ ไถไม่ค่อยไปเสมอ เหมือนจะซ้ำรอยเครื่องเก่า ก็เลยตัดไป
- Wiko View Max - กลุ่มต่ำกว่า 4000 บาทเช่นกัน แถมใช้ UI แบบ Pure Android (แต่ไม่ใช่ Pure Android) ซึ่งถูกใจผมยิ่งนัก ให้แบตมาถึง 4000 mAh มีสแกนลายนิ้วมือด้วย แต่จากรีวิวเหมือนเครื่องมันจะช้า ๆ และกล้องใช้เวลาบันทึกภาพนาน ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้ลองเครื่องจริงเท่าไหร่ เพราะมีขายแค่ไม่กี่ร้าน
- Nokia 3.1 - เปิดตัวมาราคา 4990 แต่ให้สเป็คเหมือนมือถือกลุ่มราคาต่ำกว่า 4000 ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาเหลือ 3490 บ่อย ๆ จนกลายเป็นราคาถาวรไปแล้ว สิ่งที่เหนือกว่าพวกรุ่นข้างบนก็มีแค่เป็น Android One กับให้เซ็นเซอร์มาครบมาก ทำให้เล่น Pokemon Go ในโหมด AR ได้ด้วย เอาจริง ๆ นี่เป็นตัวเต็งเลยแหละ ถ้าไม่ติดตรงที่เครื่องมันเล็กมาก แม้จอจะยาวขึ้นแต่ความกว้างดันน้อยกว่าเครื่องเก่าซะอีก ซ้ำยังมี Nokia 3.1 Plus ที่สเป็คดีกว่าทุก ๆ ด้านมาจ่อรอแล้ว ซื้อไปเจ็บใจแน่ ๆ
- Huawei Y7 Pro 2018 - กลุ่มราคาต่ำกว่า 5000 ตอนนี้รุ่น 2019 ออกแล้ว ซึ่งถ้าผมตัดสินใจซื้อช่วงนี้คงเลือก Y7 Pro 2019 แน่ ๆ แต่ตอนนั้นมันยังไม่มีไง และสิ่งที่ทำให้ตัดรุ่นนี้ทิ้งได้ง่ายดายก็คงเป็นรูปลักษณ์ภายนอกและวัสดุตัวเครื่องที่... ผมรับไม่ได้จริง ๆ แถมซอฟต์แวร์ในเครื่องก็ล้าสมัยกว่า Y5 Prime ซะอีก
- Wiko View 2 Plus - กลุ่มต่ำกว่า 5000 อีกเช่นกัน และน่าจะเป็นรุ่นที่สเป็คสูงที่สุดในบรรดาเครื่องที่เล็งไว้ แต่มันมาตกม้าตายที่มุมจอด้านบนครับ คือ ไอ้ติ่งเนี่ยผมรับได้นะ แต่ไอ้มุมโค้งมันนี่สิ ตัดมาแบบแปลก ๆ คือตัดมาจนชิดกับนาฬิกาด้านบนน่ะ ดูกี่ทีก็ขัดตาสุด ๆ เลยตัดทิ้งอย่างไม่ใยดี
แล้วก็มาเจอ Galaxy J4+ เอาช่วงท้าย ๆ ของการตัดสินใจนี่แหละ คือเป็นเครื่องสุดท้ายเลยที่หาข้อมูล ราคามันอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่ม (4690 บาท) ให้ Snapdragon ด้วย ซ้ำดีไซน์ตัวเครื่องมันแบบ ชนะหมดทุกเครื่องที่กล่าวมาเลยครับ 😆
ซึ่ง Galaxy J รุ่นก่อน ๆ มันจะกั๊กกว่านี้ แบบชอบตัดสเป็คขาด ๆ เกิน ๆ แต่ราคาแพงกว่าชาวบ้าน พอมารุ่นนี้กลับกลายเป็นสเป็คเท่าชาวบ้านแต่ราคาแพงกว่าแทน (เข้าใจนะ มันไม่เหมือนกันนะ😅) หน้าตาที่เคยตกยุคไป 3 ปี ก็อัพมาเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาอย่างมาก เลิกใช้ปุ่มนอกจอ ปรับจอเป็น HD+ สัดส่วน 18.5:9 หรือจอยาวตามสมัยนิยม ฝาหลังทำเป็นเหมือนกระจก (แต่เป็นโพลีคาบอร์เนต) ซ้ำยังให้ Android 8.1 แล้วคอมเฟิร์มอัพเดตเป็น Pie อีก (มาเดือนพฤษภาคม)
สุดท้ายแล้วผมก็ซื้อ Galaxy J4+ มาเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องที่ 3 ในวันที่ 7 พ.ย. 2561 ในสภาพกล่องสีฟ้า ๆ แบบนี้ ไม่มีปลอกลาย BNK48 แต่อย่างใด... (คงแล้วแต่ร้านว่าเอาแบบไหนมาขายแหละ เห็นโชว์ทั้ง 2 แบบ)
ใช้แล้วเป็นไง
สัมผัสแรกคือ... มันมันวาวทั้งเครื่องเลย จะจอหน้า ฝาหลัง ขอบข้าง มันมันวาวไปหมด โดยสัมผัสของฝาหลังจะฝืด ๆ หน่อย ส่วนหน้าจอจะเคลือบสารอะไรสักอย่างทำให้ลื่นมาก แถมเวลามีรอยนิ้วมือบนจอจะเห็นเป็นเหมือนหมอกจาง ๆ ไม่ได้เป็นคราบสีรุ้งที่แสนระคายตาเวลาดูคลิป ซ้ำยังเช็ดออกง่ายมาก แต่ทุกอย่างมันก็จบ เมื่อ 2 สัปดาห์ต่อมาผมตัดสินใจไปติดกันรอย (ต้องติดทั้งหน้าและหลัง) จอกลายเป็นคราบสีรุ้ง ฝาหลังกลายเป็นเทือกเช็ดยาก อยากเอากันรอยออกสุด ๆ แต่ก็กลัวเป็นรอย 😅
ฝาหลังมันวาวนี่ ถ้าส่องดี ๆ (ในภาพถ่ายมาไม่เห็นหรอก) จะเห็นเท็กเจอร์เป็นจุด ๆ ตาราง ๆ อยู่ใต้กระจก สวยมาก ทำเอาไม่อยากใส่เคสเลย ตำแหน่งปุ่มกดต่าง ๆ จะแปลกไปจากมือถือแอนดรอยด์สมัยนี้สักหน่อย คือเอาปุ่มโวลลุ่มไปไว้ฝั่งซ้าย (หรือจะอยากให้เหมือน iPhone ?) แล้วเอาลำโพงไปไว้ฝั่งขวาแทนตำแหน่งโวลลุ่มนั่นแหละ เออ แปลกดี ขอบล่างจะมีช่อง MicroUSB กับหูฟัง แล้วก็รูไมค์ แค่นั้น การใส่ซิมและ Micro SD จะใช้เป็นถาดหมด เปิดฝาหลังไม่ได้แล้วตามสมัยนิยม
จุดขายของมือถือซัมซุงคือจะมีแอพ Galaxy Gift เป็นพวกคุปองส่วนลดต่าง ๆ ติดมาด้วย ซึ่งตอนที่ผมซื้อนี่ได้โค้ดดู iflix ฟรี 6 เดือนด้วย (ตอนนี้น่าจะหมดเขตไปแล้ว) หมดไป 3 เดือนแล้วยังไม่ว่างดูเลย 😅
พื้นที่ว่างในเครื่องถ้าพยายามลบทุกอย่างที่ลบได้แล้ว น่าจะเหลือสัก 10 กิ๊ก (ดูตรงพื้นที่ว่างพร้อมใช้งาน)
มือถือซัมซุงนี่ไม่สามารถแปลง SD Card เป็น Internal Storage หรือที่เรียกว่า Adoptable Storage ได้ แต่สามารถย้ายบางแอพไป SD Card ได้ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > แอพ กดไปที่แอพที่ต้องการย้าย จากนั้น
- กดตรง ที่เก็บ (สังเกตว่าตรงนี้จะมีบอกว่าแอพเก็บไว้ภายในหรือภายนอกด้วย)
- ถ้าแอพนั้นย้ายได้จะมีปุ่ม เปลี่ยน อยู่ในตำแหน่งดังภาพ กดไป
- เลือก SD การ์ด
แบตเตอรี่ให้มา 3300 mAh ใช้ได้นานกว่าที่คิด เมื่อก่อนตอนไปข้างนอกนี่พยายามไม่ใช้มือถือเล่นอะไรมาก แต่ตอนนี้เล่นเกมเบา ๆ ฆ่าเวลาได้เป็นชั่วโมงเลย 😁
ตั้งแต่มี iPhone X สมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ก็เริ่มหันมาเอาจริงเรื่องปลดล็อคด้วยใบหน้ากันมากขึ้น แม้แต่พวกรุ่นต่ำกว่า 4000 ก็ยังพยายามใส่มา J4+ ก็ไม่เว้น แถมปลดล็อคได้จริงด้วย (จริง ๆ IQ II ก็มีปลดล็อคด้วยใบหน้า เป็นฟีเจอร์ที่ติดมากับ Pure Android แต่ใช้จริงไม่ได้ 😅) ที่แปลกใจคือมันปลดล็อคในที่มืดได้ด้วย โดยไม่ได้ใช้แฟลชกล้องหน้าช่วย แต่ใช้วิธีเร่งความสว่างหน้าจอเอา (ซึ่งถ้าใช้ภาพหน้าจอล็อกเป็นสีดำจะปลดล็อกไม่ค่อยได้) แม้จะปิดการจำแนกแบบเร็วก็ยังปลดล็อคได้นะ
ลองถ่าย
ก็ตามฟอร์ม ลองกล้องกันไปพอเป็นพิธี แต่ผมไม่ลองกล้องหน้ากับถ่ายวิดีโอนะ ใครสนใจไปดูรีวิวที่อื่นได้ตามอัธยาศัย🤗กล้องนี่ตอนใช้ใหม่ ๆ ขัดใจพอดู เพราะการโฟกัส การปรับแสง อะไร ๆ มันผิดแผกไปจากเครื่องก่อนหมด จากจิ้มแล้วรอโฟกัส ก็กลายเป็นโฟกัสแล้วต้องถ่ายเลย การถ่ายกล้องหน้าเหมือนมีบั๊กอยู่อย่างนึงคือ ถ้าเลือกโหมดโฟกัสสำหรับเซลฟี่ พอถ่ายแล้วเหมือนจะถ่ายติด แต่ภาพกลับไม่ถูกบันทึกซะงั้น ส่วนโหมดอื่นไม่มีปัญหานี้แต่อย่างใด
สรุปข้อดีข้อเสีย
จุดที่ชอบ
- ถึงสเป็คจอจะบอกว่าเป็น TFT แต่ที่ตาเห็นนี่มัน IPS ชัด ๆ
- มันวาวทั้งเครื่อง แต่จับสบายมือมาก
- เพราะเป็นซัมซุง เลยมีเคสให้เลือกเยอะแล้ว
- เป็นเครื่องแรกที่ไถแอพโซเชี่ยล เปิดเว็บ แล้วไม่มีอาการค้างให้เห็นเลยแม้แต่แอะเดียว
- รองรับ Dolby Atmos ด้วย (เฉพาะหูฟัง)
- มีธีมให้ใช้ แต่ไม่ค่อยใช้หรอก
- หน้าจอล็อครองรับวอลเปเปอร์แบบมีอนิเมชั่นด้วย
- ไอค่อนแอพนาฬิกา เข็มบนไอค่อนแสดงตามเวลาจริงได้ด้วย (แอพปฎิทินก็เช่นกัน)
- มีการแยกเกมไปอยู่ใน Game Launcher และสามารถเลือกปิดเสียงเกมโดยไม่ปิดเสียงแจ้งเตือนได้
- โคตรชอบสัมผัสจอตอนยังไม่ได้ติดกันรอย
- แอพแกลเลอรี่และไฟล์ส่วนตัวใช้งานได้ดีมาก (แต่บางอย่างก็ต้องใช้ Solid Explorer ช่วยอยู่ดี)
- แถบ Navigation (ไอ้ที่มีปุ่ม Back Home Recent น่ะ) สามารถแตะจุด 2 ครั้งเพื่อซ่อนได้ตลอดเวลา สะดวกมากเวลารู้สึกมันเกะกะจอ (จริง ๆ สามารถตั้งว่าจะให้แอพไหนแสดงเต็มจอแบบไม่มีแถบมาเกะกะได้ด้วย)
จุดที่ไม่ค่อยพอใจ
- ไม่สามารถตั้งให้เซฟไฟล์ใหม่ ๆ ไปลง SD Card ได้ (Huawei ยังทำได้เลย) มีแค่ตั้งให้แอพกล้องบันทึกรูปลง SD Card อย่างเดียว
- ย้ายแอพลง SD Card ได้ แต่พออัพเดตแอพจะย้ายกลับเข้าเครื่อง และถึงย้ายแล้วก็เหมือนพื้นที่ในเครื่องจะหายไปเรื่อย ๆ ตามขนาดแอพอยู่ดี
- จากที่ต้องหัวเสียจากการที่ Facebook เซฟรูปลงโฟลเดอร์กล้องแล้วโดน Google Photos บังคับอัพโหลดไป ซัมซุงทำเหนือกว่านั้นคือ เอาโฟลเดอร์ ScreenShot ไปไว้ในโฟลเดอร์กล้องด้วยอีกราย (ปวดหัว 😩)
- อีโมจิจะใช้อีโมจิของซัมซุงเองไม่ใช่ของกูเกิล ซึ่งหลายตัวออกแบบมานอกคอกสื่อสารต่างจากชาวบ้านถึงที่สุด เป็นข้อเสียร้ายแรงสุด ๆ เลย
- เครื่องมือล้างไฟล์ขยะที่ติดมากับระบบไม่สามารถล้างแคชของแอพให้หมดจดได้ สุดท้ายต้องนั่งกดเข้าไปล้างเพิ่มเองทีละแอพ (ถ้าของ Pure Android จะล้างได้หมดเลย)
- สีตั้งต้นของแถบ Navigation คือสีขาว (จริง ๆ เป็นเทาอ่อน ๆ อ่อนมาก) ถ้าแอพไหนไม่สั่งให้แถบนี่เปลี่ยนสีมันก็จะขาวอยู่อย่างนั้น (เช่น Facebook เวลากดดูรูปหรือวิดีโอจะดำทั้งจอยกเว้นไอ้แถบนี่😟) ยังดีที่สามารถเปลี่ยนสีตามธีมได้ (แต่ผมชอบธีมตั้งต้นอะ)
- เวลาดูวิดีโอแล้วมีเสียงแจ้งเตือนดัง เสียงวิดีโอจะเงียบไปพักนึงแม้เสียงแจ้งเตือนจะเล่นจบไปแล้ว
- ไม่สามารถตั้งได้ว่าจะเปิดห้ามรบกวนหรือปิดเสียงกี่ชั่วโมง ตั้งได้แค่จะเปิดห้ามรบกวนกี่โมงถึงกี่โมงวันไหนบ้าง ส่วนปิดเสียง ตั้งปิดได้ 1 ชั่วโมง เพิ่มลดไม่ได้
- Bigby Home โคตรไร้ประโยชน์
- แอพพยากรณ์อากาศติดเครื่องไม่รู้จักพระประแดง
สรุปว่า.... แค่ลื่นกับตัวเครื่องสวยก็บุญแล้วครับ 😁
หลัก ๆ ที่ไม่ชอบนี่น่าจะเพราะ OS เลยแฮะ
ตอบลบ