Opera 15 ... เมื่อเจ้านวัตกรรมขอรีบูต
แม้จะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ต้นคิดไอเดียต่าง ๆ มากมายที่ปัจจุบันเบราว์เซอร์อื่นขอจิ๊กไปใช้กันถ้วนหน้า แถมยังเก่าแก่ขนาดอยู่มาตั้งแต่สมัยที่ IE กับ Netscape ยังสู้กันไม่จบ แต่ Opera กลับได้รับตำแหน่ง "เบราว์เซอร์ที่ถูกลืม" อยู่เสมอ ๆ และหลังจากออกเวอร์ชั่น 12 เศษ ๆ มา จู่ ๆ Opera ก็เงียบไปหลายเดือน กลับมาอีกที กลายเป็นเวอร์ชั่น 15 ซะงั้น!!!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเบราว์เซอร์กระโดดข้ามเวอร์ชั่น Netscape เคยทำมาแล้วจากเวอร์ชั่น 4 แล้วโดดไป 6 เลย (ได้ข่าวว่าเพื่อไล่เลขให้ทัน IE6) ซึ่งเวลามีอะไรข้ามเวอร์ชั่นแบบนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดา ใช่แล้ว เพราะคราวนี้พี่แกเล่นยกเครื่องใหม่หมดเลย!
ก็เหมือนเป็นคนละโปรแกรมกันจริง ๆ ครับ เพราะเวอร์ชั่น 15 นี้ ทาง Opera ตัดสินใจทิ้งอดีตอันยาวนาน แล้วไปคว้าโปรเจ็ค Chromium (แบบบ้าน ๆ ก็ Google Chrome เวอร์ชั่น Open Source นั่นแหละ) มาพัฒนาต่อยอดเป็น Opera 15 ซะงั้น ก็เลยใช้ layout engine เป็น Webkit เหมือนกันไปด้วย แต่ที่ร้ายกว่านั้น พอตอนหลัง Google ตัดสินใจใช้ engine ใหม่ที่ชื่อ Blink แทน ทาง Opera ก็เลยเปลี่ยนตามด้วย แถมยังใช้ Blink ในรุ่น Stable ก่อน Chrome ซะงั้นน่ะ (Chrome จะเริ่มใช้ Blink ในเวอร์ชั่น 28)
พอเปลี่ยน engine ใหม่ การเร็นเดอร์หน้าเว็บที่เคยด๋อยกว่าเพื่อนก็กลายเป็นแจ่มขึ้นชั้นแนวหน้าทันที อย่างในภาพข้างบนนี้ลองเปิดบล็อกในแบบ Dynamic View (ลองดูได้ที่นี่) จากเดิมที่ถึงขั้นใช้การไม่ได้ เมนูหาย ไอ้นั่นไอ้นี่หด มาเวอร์ชั่นนี้สมบูรณ์ฝุด ๆ
หน้า Speed Dial โฉมใหม่โดดเด่นตรงเพิ่มช่อง search ให้มีขนาดใหญ่คลิกง่าย และยังคงสามารถ add ได้ทั้งเว็บและ Speed Dial Extension เหมือนเดิม ที่มุมขวาบนจะมีปุ่มค้นหาเว็บสำหรับค้นหาเว็บในหน้า Speed Dial โดยเฉพาะด้วย
เวลากดปุ่ม + ทีจะขึ้นหน้าแนะนำมาใหญ่เต็มจอแบบนี้ ก็มีเว็บที่เข้าบ่อยกับ extension คละกันไปเหมือนเวอร์ชั่นก่อน ๆ แต่ดูง่ายสบายตากว่าเยอะ นอกจากนี้หากอยากเพิ่มเว็บที่กำลังดูอยู่เข้า Speed Dial ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่กดไอค่อน Speed Dial ที่อยู่ริมขวาใน Address bar เท่านั้น
ความสามารถใหม่ก็คือเราสามารถลากรายการใน Speed Dial มาทับกันเพื่อรวมกันเป็นโฟลเดอร์ได้ (เวลาคลิกมันจะขยายให้กดอีกที) หากอยากเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ก็คลิกขวาแล้วเลือก Edit title
ของเล่นใหม่อีกอย่างที่หลายคนค้นมามานานคือ Stash เป็นที่ ๆ เอาไว้เก็บเว็บที่เรารู้สึกว่า "เดี๋ยวไว้อ่านทีหลัง" ซึ่งเราสามารถโยนเว็บที่ว่านั้นมาลงหน้านี้ได้ง่าย ๆ แค่กดไอค่อนหัวใจที่ Address bar
สุดท้ายคือ Discover เหมือนเอาไว้ดูข่าวเด่นในขณะนั้น สามารถกดเลือกหมวดหมู่ข่าวที่สนใจและประเทศได้ แต่ไม่มีประเทศไทย...
จะเห็นว่า Speed Dial ใหม่นี้สามารถใส่เว็บได้มากขึ้นจนต้องมีปุ่มค้นหาช่วย แถมยังเพิ่ม Stash ไว้เก็บเว็บไว้อ่านชั่วคราวอีก ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ กะจะไม่ให้พึ่ง bookmark เลยสินะ? ... อยากพึ่งก็ไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะ Opera 15 ได้ตัด bookmark ทิ้งกันดื้อ ๆ !!! ถ้าถามว่าทำไม? ก็ลองถามตัวเองก่อนว่าไอ้ bookmark ที่พอก ๆ ไว้เนี่ย ได้กลับไปดูมั่งรึเปล่า? เอาเข้าจริงก็เข้ากันไม่กี่เว็บ บางทีก็พิมพ์ที่ Address ไม่กี่ตัวอักษรแล้วเข้าทางนั้น หรือบางทีก็เข้าทาง Speed Dial เอา แล้วเว็บที่ add bookmark ไว้ชั่วคราวกะมาอ่านต่อทีหลังล่ะ? ลืมไปกี่เว็บแล้ว? อ่านเสร็จแล้วลบทิ้งมั้ย?
ไอ้ที่สวดมาเป็นชุดนี่ ก็คือแนวคิดที่ก่อให้เกิด Speed Dial ที่มีโฟลเดอร์ให้ใส่เว็บได้มากขึ้น และ Stash นั่นแหละ
หน้า Setting อันแสนเรียบง่าย : เดิมที Opera เคยได้อันดับต้น ๆ ในฐานะเบราว์เซอร์ที่หน้าจอตั้งค่าน่ากลัวที่สุด (นึกถึงการตั้งค่าฟอนต์อันยุ่บยั่บนั่นสิ!) มาเวอร์ชั่นนี้ก็เรียบ ๆ ตามโครมไป
Theme รูปแบบใหม่ (อีกล่ะ) : เพิ่งเปลี่ยนไป มาเวอร์ชั่นนี้เปลี่ยนอีกล่ะ รอบนี้เป็นธีมแบบเปลี่ยนเฉพาะพื้นหลังของ Start Page และพวกหน้าตั้งค่าหน้าจัดการต่าง ๆ เท่านั้น แถมยังมีมาให้แค่ 5 ธีม ยังไม่มีเพิ่ม
Bookmark Importer : เอาไว้แปลง bookmark เดิม ๆ จาก Opera 12 ให้เป็น Speed Dial Folder เข้าได้จากเมนู More tools (จริง ๆ เขาก็เอาแปะไว้ที่ Speed Dial ด้วย)
Address + Search bar : คือ... ผมว่ามีคนอื่นทำมาก่อนแล้วนะ แต่ถ้านับเฉพาะในหมู่ Chromium ด้วยกัน ก็ถือว่าแปลกใหม่และสะดวกกว่าโครมที่จะเปลี่ยน search engine ทีต้องจำคีย์เวิร์ดเอา แต่ของ Opera 15 กดเลือกได้เลย!
ที่เหลืออีกนิดหน่อย (ไม่มีภาพ)
โดยส่วนตัวผมว่า Opera คิดถูกที่ตัดสินใจเปลี่ยน engine ใหม่ซะที เพราะนวัตกรรมใหม่ ๆ ของ Opera ล้วนโดนถ่วงด้วย engine สุดด๋อยที่แม้จะเร็วโคตรและยัดมาตรฐานเว็บใหม่ ๆ มาเต็มเหยียด แต่ก็ไม่เคยใช้ดูเว็บได้ครบถ้วนเท่าเจ้าอื่นเขา ต่อไปนี้ผมว่าเราจะได้เห็น Opera วิ่งฉิวทันชาวบ้านเขาซะที (อาจจะแซงในสักวันด้วยซ้ำ!)
ลบภาพติดลบของ Opera ออกจากใจคุณ เปิดใจมองเบราว์เซอร์ชื่อเก่าแต่ใจใหม่ตัวนี้ ไปโหลดมาลองกันเถอะ!!
ป.ล. ในขณะติดตั้ง Opera จะขโมยความเป็น Default Browser จากเบราว์เซอร์ตัวโปรดของคุณ อย่าลืมไปตั้ง Default Browser ใหม่ที่เบราว์เซอร์ตัวโปรดของคุณ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเบราว์เซอร์กระโดดข้ามเวอร์ชั่น Netscape เคยทำมาแล้วจากเวอร์ชั่น 4 แล้วโดดไป 6 เลย (ได้ข่าวว่าเพื่อไล่เลขให้ทัน IE6) ซึ่งเวลามีอะไรข้ามเวอร์ชั่นแบบนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดา ใช่แล้ว เพราะคราวนี้พี่แกเล่นยกเครื่องใหม่หมดเลย!
ยกเครื่องใหม่หมดจริง ๆ
หากคุณมี Opera 12 อยู่ในเครื่องแล้วสั่ง Check for Updates มันจะขึ้นมาบอกว่า "ไอ้ที่มีนี่ใหม่สุดแล้วนา.." โกหกหน้าด้าน ๆ !! ไม่ง้อก็ได้ โหลดมาเองก็ได้ฟระ พอติดตั้งทับ... มันดันเก็บเวอร์ชั่น 12 ไว้ด้วยซะงั้นแน่ะ! ทำเป็นเหมือนไม่ใช่โปรแกรมเดียวกันยังไงอย่างงั้นก็เหมือนเป็นคนละโปรแกรมกันจริง ๆ ครับ เพราะเวอร์ชั่น 15 นี้ ทาง Opera ตัดสินใจทิ้งอดีตอันยาวนาน แล้วไปคว้าโปรเจ็ค Chromium (แบบบ้าน ๆ ก็ Google Chrome เวอร์ชั่น Open Source นั่นแหละ) มาพัฒนาต่อยอดเป็น Opera 15 ซะงั้น ก็เลยใช้ layout engine เป็น Webkit เหมือนกันไปด้วย แต่ที่ร้ายกว่านั้น พอตอนหลัง Google ตัดสินใจใช้ engine ใหม่ที่ชื่อ Blink แทน ทาง Opera ก็เลยเปลี่ยนตามด้วย แถมยังใช้ Blink ในรุ่น Stable ก่อน Chrome ซะงั้นน่ะ (Chrome จะเริ่มใช้ Blink ในเวอร์ชั่น 28)
พอเปลี่ยน engine ใหม่ การเร็นเดอร์หน้าเว็บที่เคยด๋อยกว่าเพื่อนก็กลายเป็นแจ่มขึ้นชั้นแนวหน้าทันที อย่างในภาพข้างบนนี้ลองเปิดบล็อกในแบบ Dynamic View (ลองดูได้ที่นี่) จากเดิมที่ถึงขั้นใช้การไม่ได้ เมนูหาย ไอ้นั่นไอ้นี่หด มาเวอร์ชั่นนี้สมบูรณ์ฝุด ๆ
Start Page สิ่งที่บอกความเป็น Opera
สิ่งที่เป็นเหมือนหน้าตาและความภูมิใจของ Opera มาเนิ่นนาน ก็คงหนีไม่พ้น Speed Dial ที่กลายเป็นของที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว พอมาเวอร์ชั่นนี้แค่ Speed Dial ยังไม่พอ ต้องเพิ่มอย่างอื่นด้วย ก็เลยเรียกมันรวม ๆ ว่า Start Page ซะเลย (หรือเรียกมาก่อนหน้านี้นานแล้ว? พอดีไม่ได้จำ..)หน้า Speed Dial โฉมใหม่โดดเด่นตรงเพิ่มช่อง search ให้มีขนาดใหญ่คลิกง่าย และยังคงสามารถ add ได้ทั้งเว็บและ Speed Dial Extension เหมือนเดิม ที่มุมขวาบนจะมีปุ่มค้นหาเว็บสำหรับค้นหาเว็บในหน้า Speed Dial โดยเฉพาะด้วย
เวลากดปุ่ม + ทีจะขึ้นหน้าแนะนำมาใหญ่เต็มจอแบบนี้ ก็มีเว็บที่เข้าบ่อยกับ extension คละกันไปเหมือนเวอร์ชั่นก่อน ๆ แต่ดูง่ายสบายตากว่าเยอะ นอกจากนี้หากอยากเพิ่มเว็บที่กำลังดูอยู่เข้า Speed Dial ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่กดไอค่อน Speed Dial ที่อยู่ริมขวาใน Address bar เท่านั้น
ความสามารถใหม่ก็คือเราสามารถลากรายการใน Speed Dial มาทับกันเพื่อรวมกันเป็นโฟลเดอร์ได้ (เวลาคลิกมันจะขยายให้กดอีกที) หากอยากเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ก็คลิกขวาแล้วเลือก Edit title
ของเล่นใหม่อีกอย่างที่หลายคนค้นมามานานคือ Stash เป็นที่ ๆ เอาไว้เก็บเว็บที่เรารู้สึกว่า "เดี๋ยวไว้อ่านทีหลัง" ซึ่งเราสามารถโยนเว็บที่ว่านั้นมาลงหน้านี้ได้ง่าย ๆ แค่กดไอค่อนหัวใจที่ Address bar
สุดท้ายคือ Discover เหมือนเอาไว้ดูข่าวเด่นในขณะนั้น สามารถกดเลือกหมวดหมู่ข่าวที่สนใจและประเทศได้ แต่ไม่มีประเทศไทย...
จะเห็นว่า Speed Dial ใหม่นี้สามารถใส่เว็บได้มากขึ้นจนต้องมีปุ่มค้นหาช่วย แถมยังเพิ่ม Stash ไว้เก็บเว็บไว้อ่านชั่วคราวอีก ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ กะจะไม่ให้พึ่ง bookmark เลยสินะ? ... อยากพึ่งก็ไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะ Opera 15 ได้ตัด bookmark ทิ้งกันดื้อ ๆ !!! ถ้าถามว่าทำไม? ก็ลองถามตัวเองก่อนว่าไอ้ bookmark ที่พอก ๆ ไว้เนี่ย ได้กลับไปดูมั่งรึเปล่า? เอาเข้าจริงก็เข้ากันไม่กี่เว็บ บางทีก็พิมพ์ที่ Address ไม่กี่ตัวอักษรแล้วเข้าทางนั้น หรือบางทีก็เข้าทาง Speed Dial เอา แล้วเว็บที่ add bookmark ไว้ชั่วคราวกะมาอ่านต่อทีหลังล่ะ? ลืมไปกี่เว็บแล้ว? อ่านเสร็จแล้วลบทิ้งมั้ย?
ไอ้ที่สวดมาเป็นชุดนี่ ก็คือแนวคิดที่ก่อให้เกิด Speed Dial ที่มีโฟลเดอร์ให้ใส่เว็บได้มากขึ้น และ Stash นั่นแหละ
การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
หน้า Setting อันแสนเรียบง่าย : เดิมที Opera เคยได้อันดับต้น ๆ ในฐานะเบราว์เซอร์ที่หน้าจอตั้งค่าน่ากลัวที่สุด (นึกถึงการตั้งค่าฟอนต์อันยุ่บยั่บนั่นสิ!) มาเวอร์ชั่นนี้ก็เรียบ ๆ ตามโครมไป
Theme รูปแบบใหม่ (อีกล่ะ) : เพิ่งเปลี่ยนไป มาเวอร์ชั่นนี้เปลี่ยนอีกล่ะ รอบนี้เป็นธีมแบบเปลี่ยนเฉพาะพื้นหลังของ Start Page และพวกหน้าตั้งค่าหน้าจัดการต่าง ๆ เท่านั้น แถมยังมีมาให้แค่ 5 ธีม ยังไม่มีเพิ่ม
Bookmark Importer : เอาไว้แปลง bookmark เดิม ๆ จาก Opera 12 ให้เป็น Speed Dial Folder เข้าได้จากเมนู More tools (จริง ๆ เขาก็เอาแปะไว้ที่ Speed Dial ด้วย)
Address + Search bar : คือ... ผมว่ามีคนอื่นทำมาก่อนแล้วนะ แต่ถ้านับเฉพาะในหมู่ Chromium ด้วยกัน ก็ถือว่าแปลกใหม่และสะดวกกว่าโครมที่จะเปลี่ยน search engine ทีต้องจำคีย์เวิร์ดเอา แต่ของ Opera 15 กดเลือกได้เลย!
ที่เหลืออีกนิดหน่อย (ไม่มีภาพ)
- ตัด Mail, Feed Reader และ Chat ทิ้งไปแล้ว ใครยังอยากใช้ ให้ไปโหลดโปรแกรม Opera Mail มาติดตั้งต่างหาก
- เปลี่ยนชื่อ Opera Turbo เป็น Off-Road mode (สมชื่อล่ะ เพราะเวลาใช้เหมือนขับรถบนถนนขรุขระจริง ๆ)
- หมด... หมดแล้ว
ส่งท้าย
Opera เคยได้ชื่อ (จากผมเอง) ว่าเป็นเบราว์เซอร์ที่รกที่สุดแห่งยุคหลัง Netscape แต่มาเวอร์ชั่นนี้เหมือนเกิดใหม่เลย อะไรต่อมิอะไรหายไปเยอะ เปิดดูนั่นดูนี่แป๊บเดียวก็เที่ยวทั่วตัว Opera ใหม่นี่แล้ว แทบทุกอย่างมันไปกองอยู่ที่ Start Page นั่นแหละโดยส่วนตัวผมว่า Opera คิดถูกที่ตัดสินใจเปลี่ยน engine ใหม่ซะที เพราะนวัตกรรมใหม่ ๆ ของ Opera ล้วนโดนถ่วงด้วย engine สุดด๋อยที่แม้จะเร็วโคตรและยัดมาตรฐานเว็บใหม่ ๆ มาเต็มเหยียด แต่ก็ไม่เคยใช้ดูเว็บได้ครบถ้วนเท่าเจ้าอื่นเขา ต่อไปนี้ผมว่าเราจะได้เห็น Opera วิ่งฉิวทันชาวบ้านเขาซะที (อาจจะแซงในสักวันด้วยซ้ำ!)
ลบภาพติดลบของ Opera ออกจากใจคุณ เปิดใจมองเบราว์เซอร์ชื่อเก่าแต่ใจใหม่ตัวนี้ ไปโหลดมาลองกันเถอะ!!
ที่... www.opera.com
ป.ล. ในขณะติดตั้ง Opera จะขโมยความเป็น Default Browser จากเบราว์เซอร์ตัวโปรดของคุณ อย่าลืมไปตั้ง Default Browser ใหม่ที่เบราว์เซอร์ตัวโปรดของคุณ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น