[คิดไม่ออก ต่อกันพลา] Gundam Flauros (Ryusei-Go)
กันพลาตัวที่แล้วขึ้นต้นว่า "หายไปกว่าครึ่งปี" ใครจะไปคิดว่าตัวต่อไปต้อง "หายไปกว่าหนึ่งปี" ก็ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีตัวโดน ๆ เท่าไหร่ ขนาดนิตยสาร Hobby Japan ยังโดนโมเดลอย่างอื่นแย่งพื้นที่หน้าปกไปหลายเล่ม พวกแชนแนลรีวิวกันพลาที่ตาม ๆ อยู่ก็เลิกไปหลายราย 😢
สำหรับกันพลาคราวนี้ ออกมาช่วงปลายปีที่แล้ว ผมก็ซื้อมาตั้งแต่มันออก สั่งตั้งแต่ยังไม่มีเว็บไหนรีวิว แต่ได้มาก็ดองซะเดือนนึงค่อยมาต่อ ต่อเสร็จ ก็ดองอีกเดือนค่อยมาเขียนนี่แหละ นี่เป็นกันพลาตัวแรกของผมที่ไม่มีชิ้นใสติดมาในกล่องเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และเป็นกันพลาตัวแรกของผมที่ราคาต่ำกว่า 500 (ตัวก่อนต่ำกว่า 600 ... นี่มันถูกลงเรื่อย ๆ เลยนะ)
อีกจุดเด่นซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Ryusei-Go (แปลว่า ดาวหาง) คือสีแดงอมชมพู (จะสื่อว่าดาวหางแดง?) ซึ่งเกิดจากรีเควสท์ของคนขับเอง (คนบนหน้ากล่องนั่นแหละ) คือพี่แกขับอะไรก็ทาสีนี้แล้วตั้งชื่อว่า Ryusei-Go หมด และที่ขาดไม่ได้คือต้องมีเพ้นท์ตาดุ ๆ (ที่ดูคุ้น ๆ ) ด้วย
แต่เดิมที Flauros นี่จะเป็นสีขาวและมีสีน้ำเงินแซมบางจุด ซึ่งทางบันไดไม่พลาดทำออกมาขายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมแบบต้องสั่งออนไลน์ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (จองผ่านร้านในไทยได้ แต่ราคาจะพุ่งไปเยอะเหมือนกัน)
เปิดกล่องมาก็พบว่าแผงแบบสี่สีกลับมาแล้ว สติ๊กเกอร์ไม่ค่อยโหดเท่าไหร่เมื่อเทียบกับกันดั้มตัวอื่นในซีรี่ส์นี้
จุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วคือ ทางบันไดเริ่มพิมพ์คำอธิบายภาษาอังกฤษที่ข้างกล่องแล้ว (เริ่มตัวแรกที่ HG 1/144 Barbatos Lupus) ใช้เวลาตั้ง 35 ปีกว่า ๆ เลยนะ กว่าจะยอมพิมพ์เนี่ย (รู้ก็รู้ว่ามันขายได้ทั่วโลก ไม่ยอมพิมพ์ซะที)
แม้แต่ใบต่อก็มีภาษาอังกฤษเรียบร้อย พวกคำอธิบาย ประวัติความเป็นมา ข้อมูลคนขับ แปลให้ไม่เหลือ แปลกระทั่งคำเตือนแทรกในขั้นตอนการต่อ (ที่เรางงมานานว่ามันให้ระวังอะไรฟระ) แต่ที่แปลกใจคือ ใบต่อตัวที่ผ่าน ๆ มาจะพับแบบซ้าย-ขวา-บน-ล่าง (คือกางออกมาแล้วเป็นแผ่นใหญ่ ๆ) แต่ตัวนี้แค่พับทบซ้าย-ขวาเท่านั้น สงสัยขั้นตอนจะน้อยลง
แผงหลักกลับมาใช้วิธีฉีด 4 สีในแผงเดียวหลังจากหายไปนานมาก (เฉพาะในเกรด HG ส่วนเกรดอื่น ๆ ยังมีอยู่) คือตั้งแต่ยุค Build Fighter นั่นเลย แม้ระหว่างนี้จะมีกลับมาใช้บ้างบางตัว (เช่น RX78-2 Ver.Revive) แต่ก็ไม่ถึงขั้นกลับมาใช้เป็นปกติทุกตัวแบบตอนนี้
หุ่นแทบทุกตัวในซีรี่ส์ IBO นี้จะมีจุดเด่นคือมีโครงในทุกตัว (ยกเว้นพวกตัวอ้วน ๆ ที่ยังคงขากลวงอยู่ตามปกติ) ตอนแรกก็คิดว่าบันไดป๋ามาก แต่ไป ๆ มา ๆ คิดว่าเป็นการลดต้นทุนมากกว่า เพราะโครงเดิมใช้ซ้ำได้หลายตัว ลดต้นทุนในการทำแม่พิมพ์ใหม่ได้โข (แถมทำเนื้อเรื่องสนับสนุนไว้เรียบร้อยว่าใช้โครงเดียวกันหมด) ถึงจะบอกอย่างงั้น แต่บันไดก็ทำแผงโครงกันดั้มมาแล้วถึง 4 เวอร์ชั่น และตัวนี้ก็ใช้เวอร์ชั่น 4 นี่แหละ โดยโครงในนี้จะใช้พลาสติกแบบนิ่ม ไม่ใช่นิ่มแบบอ่อนปวกเปียกนะ มันแข็งแบบงอมาก ๆ ก็หักอยู่ แต่เนื้อมันจะยืดหยุ่นนิดหน่อย ทำให้ทนต่อแรงเสียดสีได้เหมือนพวกโพลีแคป พลาสติกแบบนี้สังเกตง่าย ๆ ว่าผิวมันจะด้าน ๆ นิดนึง
คราวนี้ไม่ต้องมาแนะนำอุปกรณ์กันนะ มันก็เดิม ๆ นั่นแหละ เริ่มที่ส่วนโครงในลำตัว แม้จะเป็นส่วนที่โดนเกราะบังแต่ก็ยังมีดีเทล ที่เห็นเป็นวงล้อใหญ่ ๆ 2 อันนั่นคือเตา Ahab Reactor แหล่งพลังงานประจำภาคนี้ โดยกันดั้มจะพิเศษกว่าหุ่นอื่นคือมี 2 เตา จัดว่าเท่ไม่แพ้ GN-Drive แต่ไม่ได้ปล่อยอนุภาคขี้โม้ได้ขนาดนั้นนะ
เสร็จส่วนลำตัวแล้ว ต่อง่าย ๆ แต่ประทับใจตอนต่อโช้คมาก (แม้จะเป็นโช้คหลอกก็เถอะ)
ส่วนหัว ชิ้นส่วนเยอะมาก ยังกะต่อ RG เลย มีการแยกชิ้นตรงคางด้วย (ทั้ง ๆ ที่ปกติจะรวมเป็นชิ้นเดียวกับตา) สติ๊กเกอร์ตรงเขาสีขาวห่อได้สนิทดี แนะนำว่าให้เริ่มติดจากขอบด้านใน และอย่าติดทับร่องนะ ไม่งั้นห่อไม่มิดแน่นอน หรือถ้ามีปากกาเพ้นท์สีขาวก็เพ้นท์ไปเลยดีกว่า (ควรเพ้นท์ก่อนติดสติ๊กเกอร์ตากิโรโระ)
ส่วนแขน ตอนต่อให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี (ถ้าต่อซีรี่ส์นี้เป็นตัวแรกนะ) รู้สึกชิ้นส่วนช่วงไหล่แอบเยอะนิดนึง สีเหลืองที่เกราะไหล่ด้านหน้า-หลังแยกชิ้นให้ แต่ไอ้ข้าง ๆ ดันเป็นสติ๊กเกอร์ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ จะแยกสีก็แยกได้นะ
ช่วงนี้ขี้เกียจถ่ายแล้ว ภาพเลยโดดมาขั้นนี้เลย ส่วนขาไม่มีอะไรมาก มึนตำแหน่งเสียบเกราะนิดหน่อย เท้าเป็นข้อต่อแบบวงแหวน ส่วนแบ็คแพ็คระวังตรงแขนยึดปืน ผมใส่ผิดด้านจนมันชิดหัวหมามากไป สติ๊กเกอร์ตาหมาเลยลอกนิดหน่อย สติ๊กเกอร์ห่อปืน ควรเริ่มเล็งติดจากขอบด้านบน เห็นคลิปนึงเล็งติดจากขอบด้านหน้า พอจะดึงออกมาติดใหม่ดันขาดเรียบร้อย 😥
เสร็จแล้วก็ประมาณนี้แหละ... ตัวปัญหาก็คือสติ๊กเกอร์สีขาวตรงเขากับสีชมพูตามปืนใหญ่ ตรงมุม ๆ มันจะชอบเปิดเวลานิ้วไปโดน แก้โดยเอาไม้จิ้มฟันแหลม ๆ จิ้มกาวลาเท็กซ์ (เอายี่ห้อดี ๆ หน่อย) ป้ายข้างใต้แล้วกดแน่น ๆ เลยครับ ทิ้งไว้ให้แห้งก็โอเคแล้ว ผมดันลืมวิธีนี้ไป (เคยใช้กับ Exia Dark Matter จนป่านนี้ก็ยังติดสนิทไม่เผยออีกเลย) แล้วไปถูย้ำ ๆ แทน ผลคือสีถลอกเรียบร้อย (ยังดีที่เป็นสติ๊กเกอร์ฟอยล์ พอถลอกเลยเป็นผิวเหมือนโลหะ) อีกจุดคือตาตรงหัวหมา ตอนขยับปืน แกนยึดปืนอาจไปโดนตาถลอกได้ (ปกติมันจะมีช่องว่างนิดหน่อย แต่บางทีก็เอียงไปโดน)
เนื่องจากปีที่แล้วปลวกขึ้นบ้าน จึงต้องย้ายของไว้กลางบ้านให้เขามาฉีดกันปลวกตามขอบผนังทุก 3 เดือน โต๊ะจึงต้องระเห็ดมาอยู่ริม ๆ และที่เห็นเปิดไฟในภาพ จริง ๆ ไม่ได้เปิดเล้ย ใช้แค่การปรับ WB ในกล้องมือถือช่วยก็คิดว่าพอแล้ว และเพราะคราวที่แล้วรู้สึกมันขาวเว่อไป คราวนี้เลยพยายามให้ภาพออกมาสภาพดูเป็นธรรมชาติที่สุด (คราวหน้าคงไม่เอาฉากสีขาวแล้ว)
เริ่มกันที่ตัวเปล่า ๆ แม้ตอนแรกจะบอกว่าตกหลุมรักเพราะแบ็คแพ็ค แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ผมชอบตัวเปล่า ๆ แบบนี้นะ (จริง ๆ ก็รู้ตัวตั้งแต่ Dark Matter นู่นแล้ว) แต่สภาพแบบนี้มันไม่มีทรัสเตอร์ที่หลังช่วยเลย (มีแค่ที่ขา) แถมแปลงเป็นหมาไม่ได้ (ขาดหัว)
แม้จะไม่มีแบ็คแพ็ค แต่ตรงหลังก็พอจะมีดีเทลอยู่
พอดูมุมหลังตรงนี่... ดูตัวโปร่งเกินไปนะ เพราะแบบนี้แหละมันถึงมีโครงใน เพราะโชว์โครงซะเยอะ ถ้ามามัวทำชิ้นดัมมี่แทนโครง แม้จะประหยัดพลาสติกแต่ไปเปลืองอย่างอื่นแน่ ๆ
ซูมให้เห็นหน้าและตากิโรโระชัด ๆ
ไม่รู้เพราะไม่ได้จับกันพลามาเป็นปีหรือเพราะไม่ชินกับดีไซน์มัน เลยรู้สึกว่าจัดท่าได้ยากมาก สุด ๆ ได้แค่นี้แหละ
ลองเอาแมชชีนกันอาวุธอีกชิ้นของตัวนี้มาถือ... จนถึงตอนที่เขียนนี่ ไม่เคยเห็นใช้ไอ้ปืนนี่ในเรื่องเลย ใช้แต่อาวุธขายแยกตลอด (งานขายต้องมา)
แกนแขนส่วนที่เสียบกับลำตัวสามารถดึงให้ยืดออกมาได้ (เพื่อเพิ่มจุดขยับ) เกราะไหล่เปิดให้เห็นไหล่กลม ๆ ได้ ซึ่งไอ้ตรงข้อต่อไหล่กลม ๆ นี่ถ้าขยับมาก ๆ มันจะหลุดได้ เพราะเป็นชิ้นแบบประกบหน้า-หลัง ไม่มีอะไรมาช่วยหนีบเลย แต่ส่วนอื่นแน่นดีไม่มีหลุด อ้อ ยกเว้นเขาส่วนจะหลุดง่ายนิดนึง โดยเฉพาะตอนแปลงร่าง
เอาแบ็คแพ็คมาตั้งแบบนี้ก็ดูดีนะ เหมือนป้อมปืนดี
ประกอบร่าง!! ปืนยาวมากกกกก สภาพเต็มรูปแบบนี่เหมือนจะหนัก แต่ยืนได้สบายนะ อย่างน้อย ๆ ก็ยืนง่ายกว่า Exia Dark Matter หรือ OO-Raiser แหละ
ข้างหลังดูรกมากเลย แต่ตอนแรกก็ซื้อเพราะเห็นมันนี่แหละ ที่เห็นเป็นตุ้ม 2 อันนั่นไม่ใช่ทรัสเตอร์ (ทรัสเตอร์คือหัวหมานั่นแหละ) แต่เป็นตัวกำเนิดพลังงานเสริมไว้ยิงเรลกันในโหมดหมา ข้าง ๆ มีที่ไว้ติดตั้งแมชชีนกันอันที่เอามาถือตะกี้
หลังตรงแบบมีแบ็คแพ็ค .... ไอ้ตัวนี้พอหลังตรงแล้วดูแย่ตลอด ต้องเฉียง ๆ ถึงจะดูดี
แมชชีนกันที่หลังสามารถยกมายิงข้างหน้าได้
โหมดหมา มีขั้นตอนแปลงร่างคือ... 1. ดึงเรลกันไปประกบกับส่วนท้าย 2.ยกโล่หลังแขนขึ้นมาเป็นเท้าหน้า 3.เอาเขี้ยวตรงหน้าอกมาปิดหน้า 4. ดึงหัวหมามาครอบหัว (ระวังขูดสติ๊กเกอร์สีขาวด้วย) 5. หมุนเอวไป 180 องศาแล้วทำท่าสะพานโค้ง 6. ดึงปลายปืนเรลกันมากลับด้านแล้วเสียบไปใหม่แบบหลวม ๆ จบแล้ว...
ผมมีปัญหากับโหมดหมานี่อย่างนึงคือ ขาหน้านี่แหละ ทำให้มันสมมาตรไม่ได้ซะที ขยับมาก ๆ ข้อต่อไหล่ก็หลุด เฮ้อ...
โหมดหมานี่ไม่ได้แปลงร่างขำ ๆ มันมีเหตุผลหมด เริ่มจากการยืน 4 เท้าทำให้มั่นคงขึ้น แถมเท้าหน้าก็มีเล็บช่วยจิกพื้นอีก หัวหมาเป็นเกราะป้องกันหัวจริง ปืนเรลกันถูกต่อพลังงานเพิ่มเป็น 2 เท่า ทำให้ยิงแรงขึ้นมาก ๆ
ดูตาหมาชัด ๆ มี 4 ตาเลยนะ (เสียดายตาหุ่นจริง ๆ โดนเขี้ยวปิดอยู่ ไม่งั้นครบ 6 ตาไปแล้ว)
ลองเอาตัวกำเนิดพลังงานเสริมกับปืนแมชชีนกันออก ก็พอดูได้.... แต่จะรู้สึกว่าปืนยาวไปไม่สมดุล (เขาถึงขายปืนสั้นแยก แล้วใช้ในเรื่องให้เห็นรัว ๆ ไง)
มองด้านข้างยิ่งไม่สมดุล คือรู้สึกว่าแกนแค่นั้นไม่น่ารับน้ำหนักไหว ท่อนหลังนี่ก็โล่งไปเลย...
กลับร่างหุ่นแบบติดแต่เรลกันดู ก็พอไปได้...
เอาแมชชีนกันมาถือด้วย
อ้อ! ช่วงที่ซื้อมานี่เขามีโปรโมชั่นแถมฐานเฉพาะซีรี่ส์นี้ โดยเริ่มแถมกับ Flauros นี่แหละ จะมีให้เลือก 4 สีพร้อมสติ๊กเกอร์ตามสังกัด ดำ-เทกกะดัน เหลือง-เทวาซ น้ำเงิน-กัลลาฮอร์น ใส-เซเว่นสตาร์ จะได้สีไหนขึ้นอยู่กับร้าน บางร้านก็สุ่มแถม บางร้านก็ให้ใครซื้อก่อนได้เลือกสีก่อน (เลยรีบซื้อไง 😏) ... ตอนนี้ไม่น่าจะแถมแล้วมั้ง ตั้ง 2 เดือนแล้ว
ลองติดฐานก็ประมาณนี้ ฐานเป็นพลาสติกใสเงางามแวววาวมาก
ตัวต่อไปน่าจะรอดูซีรี่ส์ใหม่ เพราะกันดั้มซีรี่ส์นี้สติ๊กเกอร์โหดแบบนี้แทบทุกตัว แต่ก็ดีใจที่ได้เสริมทักษะติดสติ๊กเกอร์ฟอยล์จนเรียกความมั่นใจมาได้อีกครั้ง หลังจากเฟลไปมากกับสติ๊กเกอร์ของ RG จริง ๆ ก็เล็งซีรี่ส์นี้ไว้อีกตัวคือ Gundam Dantalion (เอาชื่อไปกูเกิลเอาเองนะ) เป็นตัวออริจินอลจากภาคเกมตู้ แต่ยังอยู่ในจักรวาล IBO ที่ชอบเพราะเห็นดีไซน์แล้วคิดถึง Exia มาก แต่ดูจากดีไซน์แล้วไม่น่าจะเผื่อไว้ทำกันพลาเลย..
สำหรับกันพลาคราวนี้ ออกมาช่วงปลายปีที่แล้ว ผมก็ซื้อมาตั้งแต่มันออก สั่งตั้งแต่ยังไม่มีเว็บไหนรีวิว แต่ได้มาก็ดองซะเดือนนึงค่อยมาต่อ ต่อเสร็จ ก็ดองอีกเดือนค่อยมาเขียนนี่แหละ นี่เป็นกันพลาตัวแรกของผมที่ไม่มีชิ้นใสติดมาในกล่องเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และเป็นกันพลาตัวแรกของผมที่ราคาต่ำกว่า 500 (ตัวก่อนต่ำกว่า 600 ... นี่มันถูกลงเรื่อย ๆ เลยนะ)
Gundam Flauros (Ryusei-Go) คือ?
เป็นหุ่นจากกันดั้มซีรี่ส์ล่าสุดคือ Iron-blooded Orphans (ย่อ ๆ ว่า IBO) ซึ่งเพิ่งฉายซีซั่น 2 เมื่อตุลาคมปี 2016 โดยฉายให้ดูฟรีทางยูทูบเช่นเคย (ฉายฟรี เน้นขายหุ่น) จุดเด่นของหุ่นตัวนี้คือมีปืนใหญ่ Railgun สองกระบอกติดอยู่ที่หลัง และสามารถแปลงร่างเป็นโหมดหมา (จริง ๆ เรียก Shelling Mode) เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการยิง (เพราะแรงสะท้อนจากปืน Railgun มันแรงมาก) แถมไอ้ปืน Railgun นี่ก็เพิ่งยิงได้ครั้งเดียว แล้วดันเพิ่งรู้ว่ากระสุนมันโดนแบน ตอนหลังเลยเอาปืนใหญ่ธรรมดาติดแทนไปแล้ว (ซึ่งมีขายแยกเรียบร้อย)อีกจุดเด่นซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Ryusei-Go (แปลว่า ดาวหาง) คือสีแดงอมชมพู (จะสื่อว่าดาวหางแดง?) ซึ่งเกิดจากรีเควสท์ของคนขับเอง (คนบนหน้ากล่องนั่นแหละ) คือพี่แกขับอะไรก็ทาสีนี้แล้วตั้งชื่อว่า Ryusei-Go หมด และที่ขาดไม่ได้คือต้องมีเพ้นท์ตาดุ ๆ (ที่ดูคุ้น ๆ ) ด้วย
แต่เดิมที Flauros นี่จะเป็นสีขาวและมีสีน้ำเงินแซมบางจุด ซึ่งทางบันไดไม่พลาดทำออกมาขายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมแบบต้องสั่งออนไลน์ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (จองผ่านร้านในไทยได้ แต่ราคาจะพุ่งไปเยอะเหมือนกัน)
สีดั้งเดิมเป็นงี้แหละ |
ทำไมถึงเลือก Gundam Flauros ?
คงเรียกว่ารักแรกพบกระมัง คือชอบทันทีที่ได้เห็นโมเดลตัวอย่างสีขาวล้วน ตอนนั้นยังไม่เปิดเผยว่ามันแปลงเป็นโหมดหมาได้ แต่ดูแบ็คแพ็คมันก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องแปลงร่างเปลี่ยนโหมดได้แน่ ๆ (ตอนนั้นคิดประมาณโหมดรถถังเดิน 2 ขาอะไรงี้) และดีไซน์ที่ดูเหมือนหุ่นสำหรับใช้ภาคพื้นดิน (เป็นคนชอบพวก Ground Type มาก เกลียดพวกเน้นใช้บนอวกาศ เพราะพวกนี้มักจะรก...) ซ้ำเกราะไหล่หนา ๆ นั่นโคตรถูกชะตา ตอนหลังพอเผยโหมดหมามายิ่งใช่เลย พอวางขายจึงสั่งทันทีแบบไม่คิดเปิดกล่องที่ดอง แล้วมาต่อเพื่อดอง
ยังคงซื้อที่ร้านเดิม แต่คราวก่อนสั่งกลางคืนต้องรอเขาเช็คเงินเข้าวันนึง แล้วรอเขาไปส่งอีกวันนึง คราวนี้เลยลองสั่งตอนเช้ากะว่าจะเช็ควันนี้ส่งวันนี้ ที่ไหนได้... ก็ยังส่งพรุ่งนี้อยู่ดีแหละ แต่ดันติดวันเสาร์ (คงส่งตอนบ่ายมั้ง วันเสาร์เลยส่งไม่ได้) เขาเลยส่งให้วันจันทร์ ได้ของวันอังคารซะงั้น ... คราวหน้าลองสั่งบ่าย ๆ ดูละกัน 😅เปิดกล่องมาก็พบว่าแผงแบบสี่สีกลับมาแล้ว สติ๊กเกอร์ไม่ค่อยโหดเท่าไหร่เมื่อเทียบกับกันดั้มตัวอื่นในซีรี่ส์นี้
จุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วคือ ทางบันไดเริ่มพิมพ์คำอธิบายภาษาอังกฤษที่ข้างกล่องแล้ว (เริ่มตัวแรกที่ HG 1/144 Barbatos Lupus) ใช้เวลาตั้ง 35 ปีกว่า ๆ เลยนะ กว่าจะยอมพิมพ์เนี่ย (รู้ก็รู้ว่ามันขายได้ทั่วโลก ไม่ยอมพิมพ์ซะที)
แม้แต่ใบต่อก็มีภาษาอังกฤษเรียบร้อย พวกคำอธิบาย ประวัติความเป็นมา ข้อมูลคนขับ แปลให้ไม่เหลือ แปลกระทั่งคำเตือนแทรกในขั้นตอนการต่อ (ที่เรางงมานานว่ามันให้ระวังอะไรฟระ) แต่ที่แปลกใจคือ ใบต่อตัวที่ผ่าน ๆ มาจะพับแบบซ้าย-ขวา-บน-ล่าง (คือกางออกมาแล้วเป็นแผ่นใหญ่ ๆ) แต่ตัวนี้แค่พับทบซ้าย-ขวาเท่านั้น สงสัยขั้นตอนจะน้อยลง
หุ่นแทบทุกตัวในซีรี่ส์ IBO นี้จะมีจุดเด่นคือมีโครงในทุกตัว (ยกเว้นพวกตัวอ้วน ๆ ที่ยังคงขากลวงอยู่ตามปกติ) ตอนแรกก็คิดว่าบันไดป๋ามาก แต่ไป ๆ มา ๆ คิดว่าเป็นการลดต้นทุนมากกว่า เพราะโครงเดิมใช้ซ้ำได้หลายตัว ลดต้นทุนในการทำแม่พิมพ์ใหม่ได้โข (แถมทำเนื้อเรื่องสนับสนุนไว้เรียบร้อยว่าใช้โครงเดียวกันหมด) ถึงจะบอกอย่างงั้น แต่บันไดก็ทำแผงโครงกันดั้มมาแล้วถึง 4 เวอร์ชั่น และตัวนี้ก็ใช้เวอร์ชั่น 4 นี่แหละ โดยโครงในนี้จะใช้พลาสติกแบบนิ่ม ไม่ใช่นิ่มแบบอ่อนปวกเปียกนะ มันแข็งแบบงอมาก ๆ ก็หักอยู่ แต่เนื้อมันจะยืดหยุ่นนิดหน่อย ทำให้ทนต่อแรงเสียดสีได้เหมือนพวกโพลีแคป พลาสติกแบบนี้สังเกตง่าย ๆ ว่าผิวมันจะด้าน ๆ นิดนึง
คราวนี้ไม่ต้องมาแนะนำอุปกรณ์กันนะ มันก็เดิม ๆ นั่นแหละ เริ่มที่ส่วนโครงในลำตัว แม้จะเป็นส่วนที่โดนเกราะบังแต่ก็ยังมีดีเทล ที่เห็นเป็นวงล้อใหญ่ ๆ 2 อันนั่นคือเตา Ahab Reactor แหล่งพลังงานประจำภาคนี้ โดยกันดั้มจะพิเศษกว่าหุ่นอื่นคือมี 2 เตา จัดว่าเท่ไม่แพ้ GN-Drive แต่ไม่ได้ปล่อยอนุภาคขี้โม้ได้ขนาดนั้นนะ
เสร็จส่วนลำตัวแล้ว ต่อง่าย ๆ แต่ประทับใจตอนต่อโช้คมาก (แม้จะเป็นโช้คหลอกก็เถอะ)
ส่วนหัว ชิ้นส่วนเยอะมาก ยังกะต่อ RG เลย มีการแยกชิ้นตรงคางด้วย (ทั้ง ๆ ที่ปกติจะรวมเป็นชิ้นเดียวกับตา) สติ๊กเกอร์ตรงเขาสีขาวห่อได้สนิทดี แนะนำว่าให้เริ่มติดจากขอบด้านใน และอย่าติดทับร่องนะ ไม่งั้นห่อไม่มิดแน่นอน หรือถ้ามีปากกาเพ้นท์สีขาวก็เพ้นท์ไปเลยดีกว่า (ควรเพ้นท์ก่อนติดสติ๊กเกอร์ตากิโรโระ)
ส่วนแขน ตอนต่อให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี (ถ้าต่อซีรี่ส์นี้เป็นตัวแรกนะ) รู้สึกชิ้นส่วนช่วงไหล่แอบเยอะนิดนึง สีเหลืองที่เกราะไหล่ด้านหน้า-หลังแยกชิ้นให้ แต่ไอ้ข้าง ๆ ดันเป็นสติ๊กเกอร์ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ จะแยกสีก็แยกได้นะ
ช่วงนี้ขี้เกียจถ่ายแล้ว ภาพเลยโดดมาขั้นนี้เลย ส่วนขาไม่มีอะไรมาก มึนตำแหน่งเสียบเกราะนิดหน่อย เท้าเป็นข้อต่อแบบวงแหวน ส่วนแบ็คแพ็คระวังตรงแขนยึดปืน ผมใส่ผิดด้านจนมันชิดหัวหมามากไป สติ๊กเกอร์ตาหมาเลยลอกนิดหน่อย สติ๊กเกอร์ห่อปืน ควรเริ่มเล็งติดจากขอบด้านบน เห็นคลิปนึงเล็งติดจากขอบด้านหน้า พอจะดึงออกมาติดใหม่ดันขาดเรียบร้อย 😥
เสร็จแล้วก็ประมาณนี้แหละ... ตัวปัญหาก็คือสติ๊กเกอร์สีขาวตรงเขากับสีชมพูตามปืนใหญ่ ตรงมุม ๆ มันจะชอบเปิดเวลานิ้วไปโดน แก้โดยเอาไม้จิ้มฟันแหลม ๆ จิ้มกาวลาเท็กซ์ (เอายี่ห้อดี ๆ หน่อย) ป้ายข้างใต้แล้วกดแน่น ๆ เลยครับ ทิ้งไว้ให้แห้งก็โอเคแล้ว ผมดันลืมวิธีนี้ไป (เคยใช้กับ Exia Dark Matter จนป่านนี้ก็ยังติดสนิทไม่เผยออีกเลย) แล้วไปถูย้ำ ๆ แทน ผลคือสีถลอกเรียบร้อย (ยังดีที่เป็นสติ๊กเกอร์ฟอยล์ พอถลอกเลยเป็นผิวเหมือนโลหะ) อีกจุดคือตาตรงหัวหมา ตอนขยับปืน แกนยึดปืนอาจไปโดนตาถลอกได้ (ปกติมันจะมีช่องว่างนิดหน่อย แต่บางทีก็เอียงไปโดน)
โพสต์ท่า ถ่ายรูปหลังดอง
ต้องบอกไว้ล่วงหน้าว่า ไอ้ภาพตอนต่อข้างบน ๆ กับตอนโพสต์ท่าที่อยู่ข้างล่างนี้ มันถ่ายห่างกัน 1 เดือน เวลาผ่านไปสติ๊กเกอร์เลยมีลอกกันบ้าง (ฝุ่นจับบ้าง อะไรบ้าง) และฉากกับอุปกรณ์คราวนี้รีเซ็ตใหม่หมด เพราะหลังจากต่อตัวที่แล้ว ห้องที่ใช้ถ่ายได้มีการเปลี่ยนไปใช้หลอด LED ทำให้สว่างโฮก แทบไม่ต้องใช้ไฟช่วยเลย โคมไฟเดิมก็พังหมดแล้ว (ใช้มาได้ตั้ง 20 กว่าปีทำไมเพิ่งพังฟระ) กล้องก็เปลี่ยนไปใช้ i-mobile IQII ที่จัดว่าไม่เทพ แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านไป มันก็เลยดีกว่า Lumia 520 พอสมควรเนื่องจากปีที่แล้วปลวกขึ้นบ้าน จึงต้องย้ายของไว้กลางบ้านให้เขามาฉีดกันปลวกตามขอบผนังทุก 3 เดือน โต๊ะจึงต้องระเห็ดมาอยู่ริม ๆ และที่เห็นเปิดไฟในภาพ จริง ๆ ไม่ได้เปิดเล้ย ใช้แค่การปรับ WB ในกล้องมือถือช่วยก็คิดว่าพอแล้ว และเพราะคราวที่แล้วรู้สึกมันขาวเว่อไป คราวนี้เลยพยายามให้ภาพออกมาสภาพดูเป็นธรรมชาติที่สุด (คราวหน้าคงไม่เอาฉากสีขาวแล้ว)
เริ่มกันที่ตัวเปล่า ๆ แม้ตอนแรกจะบอกว่าตกหลุมรักเพราะแบ็คแพ็ค แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ผมชอบตัวเปล่า ๆ แบบนี้นะ (จริง ๆ ก็รู้ตัวตั้งแต่ Dark Matter นู่นแล้ว) แต่สภาพแบบนี้มันไม่มีทรัสเตอร์ที่หลังช่วยเลย (มีแค่ที่ขา) แถมแปลงเป็นหมาไม่ได้ (ขาดหัว)
แม้จะไม่มีแบ็คแพ็ค แต่ตรงหลังก็พอจะมีดีเทลอยู่
พอดูมุมหลังตรงนี่... ดูตัวโปร่งเกินไปนะ เพราะแบบนี้แหละมันถึงมีโครงใน เพราะโชว์โครงซะเยอะ ถ้ามามัวทำชิ้นดัมมี่แทนโครง แม้จะประหยัดพลาสติกแต่ไปเปลืองอย่างอื่นแน่ ๆ
ซูมให้เห็นหน้าและตากิโรโระชัด ๆ
ไม่รู้เพราะไม่ได้จับกันพลามาเป็นปีหรือเพราะไม่ชินกับดีไซน์มัน เลยรู้สึกว่าจัดท่าได้ยากมาก สุด ๆ ได้แค่นี้แหละ
ลองเอาแมชชีนกันอาวุธอีกชิ้นของตัวนี้มาถือ... จนถึงตอนที่เขียนนี่ ไม่เคยเห็นใช้ไอ้ปืนนี่ในเรื่องเลย ใช้แต่อาวุธขายแยกตลอด (งานขายต้องมา)
แกนแขนส่วนที่เสียบกับลำตัวสามารถดึงให้ยืดออกมาได้ (เพื่อเพิ่มจุดขยับ) เกราะไหล่เปิดให้เห็นไหล่กลม ๆ ได้ ซึ่งไอ้ตรงข้อต่อไหล่กลม ๆ นี่ถ้าขยับมาก ๆ มันจะหลุดได้ เพราะเป็นชิ้นแบบประกบหน้า-หลัง ไม่มีอะไรมาช่วยหนีบเลย แต่ส่วนอื่นแน่นดีไม่มีหลุด อ้อ ยกเว้นเขาส่วนจะหลุดง่ายนิดนึง โดยเฉพาะตอนแปลงร่าง
เอาแบ็คแพ็คมาตั้งแบบนี้ก็ดูดีนะ เหมือนป้อมปืนดี
ประกอบร่าง!! ปืนยาวมากกกกก สภาพเต็มรูปแบบนี่เหมือนจะหนัก แต่ยืนได้สบายนะ อย่างน้อย ๆ ก็ยืนง่ายกว่า Exia Dark Matter หรือ OO-Raiser แหละ
ข้างหลังดูรกมากเลย แต่ตอนแรกก็ซื้อเพราะเห็นมันนี่แหละ ที่เห็นเป็นตุ้ม 2 อันนั่นไม่ใช่ทรัสเตอร์ (ทรัสเตอร์คือหัวหมานั่นแหละ) แต่เป็นตัวกำเนิดพลังงานเสริมไว้ยิงเรลกันในโหมดหมา ข้าง ๆ มีที่ไว้ติดตั้งแมชชีนกันอันที่เอามาถือตะกี้
หลังตรงแบบมีแบ็คแพ็ค .... ไอ้ตัวนี้พอหลังตรงแล้วดูแย่ตลอด ต้องเฉียง ๆ ถึงจะดูดี
แมชชีนกันที่หลังสามารถยกมายิงข้างหน้าได้
โหมดหมา มีขั้นตอนแปลงร่างคือ... 1. ดึงเรลกันไปประกบกับส่วนท้าย 2.ยกโล่หลังแขนขึ้นมาเป็นเท้าหน้า 3.เอาเขี้ยวตรงหน้าอกมาปิดหน้า 4. ดึงหัวหมามาครอบหัว (ระวังขูดสติ๊กเกอร์สีขาวด้วย) 5. หมุนเอวไป 180 องศาแล้วทำท่าสะพานโค้ง 6. ดึงปลายปืนเรลกันมากลับด้านแล้วเสียบไปใหม่แบบหลวม ๆ จบแล้ว...
ผมมีปัญหากับโหมดหมานี่อย่างนึงคือ ขาหน้านี่แหละ ทำให้มันสมมาตรไม่ได้ซะที ขยับมาก ๆ ข้อต่อไหล่ก็หลุด เฮ้อ...
โหมดหมานี่ไม่ได้แปลงร่างขำ ๆ มันมีเหตุผลหมด เริ่มจากการยืน 4 เท้าทำให้มั่นคงขึ้น แถมเท้าหน้าก็มีเล็บช่วยจิกพื้นอีก หัวหมาเป็นเกราะป้องกันหัวจริง ปืนเรลกันถูกต่อพลังงานเพิ่มเป็น 2 เท่า ทำให้ยิงแรงขึ้นมาก ๆ
ดูตาหมาชัด ๆ มี 4 ตาเลยนะ (เสียดายตาหุ่นจริง ๆ โดนเขี้ยวปิดอยู่ ไม่งั้นครบ 6 ตาไปแล้ว)
ลองเอาตัวกำเนิดพลังงานเสริมกับปืนแมชชีนกันออก ก็พอดูได้.... แต่จะรู้สึกว่าปืนยาวไปไม่สมดุล (เขาถึงขายปืนสั้นแยก แล้วใช้ในเรื่องให้เห็นรัว ๆ ไง)
มองด้านข้างยิ่งไม่สมดุล คือรู้สึกว่าแกนแค่นั้นไม่น่ารับน้ำหนักไหว ท่อนหลังนี่ก็โล่งไปเลย...
กลับร่างหุ่นแบบติดแต่เรลกันดู ก็พอไปได้...
เอาแมชชีนกันมาถือด้วย
อ้อ! ช่วงที่ซื้อมานี่เขามีโปรโมชั่นแถมฐานเฉพาะซีรี่ส์นี้ โดยเริ่มแถมกับ Flauros นี่แหละ จะมีให้เลือก 4 สีพร้อมสติ๊กเกอร์ตามสังกัด ดำ-เทกกะดัน เหลือง-เทวาซ น้ำเงิน-กัลลาฮอร์น ใส-เซเว่นสตาร์ จะได้สีไหนขึ้นอยู่กับร้าน บางร้านก็สุ่มแถม บางร้านก็ให้ใครซื้อก่อนได้เลือกสีก่อน (เลยรีบซื้อไง 😏) ... ตอนนี้ไม่น่าจะแถมแล้วมั้ง ตั้ง 2 เดือนแล้ว
ลองติดฐานก็ประมาณนี้ ฐานเป็นพลาสติกใสเงางามแวววาวมาก
ส่งท้าย
ก็เป็นกันพลาตัวเดียวที่ได้ซื้อในปีที่แล้ว และเป็นตัวแรกที่ได้ต่อในปีนี้ (ดองข้ามปีไง จะอะไรล่ะ) ขัดใจตรงสติ๊กเกอร์ที่อยู่ในตำแหน่งที่มือไปโดนได้ง่ายไปหน่อย โดยเฉพาะตอนแปลงร่างนี่จะเสี่ยงมาก ๆ เคยต่อกันพลาที่มีสติ๊กเกอร์ห่อแบบนี้มาบ้าง แต่ปกติมันจะหันมุมเข้าด้านในทั้งนั้น นี่อะไร มุมมันหันออกทั้งนั้นเลย เฮ้อ... แต่โดยรวมแล้วเท่ดี ดีไซน์เกราะดูเหลี่ยม ๆ ถูกใจมาก ถ้าได้เซ็ทอาวุธที่ขายแยกมาเสริมก็ดี แต่ตอนนี้ร้านประจำขึ้นว่าของหมด...ตัวต่อไปน่าจะรอดูซีรี่ส์ใหม่ เพราะกันดั้มซีรี่ส์นี้สติ๊กเกอร์โหดแบบนี้แทบทุกตัว แต่ก็ดีใจที่ได้เสริมทักษะติดสติ๊กเกอร์ฟอยล์จนเรียกความมั่นใจมาได้อีกครั้ง หลังจากเฟลไปมากกับสติ๊กเกอร์ของ RG จริง ๆ ก็เล็งซีรี่ส์นี้ไว้อีกตัวคือ Gundam Dantalion (เอาชื่อไปกูเกิลเอาเองนะ) เป็นตัวออริจินอลจากภาคเกมตู้ แต่ยังอยู่ในจักรวาล IBO ที่ชอบเพราะเห็นดีไซน์แล้วคิดถึง Exia มาก แต่ดูจากดีไซน์แล้วไม่น่าจะเผื่อไว้ทำกันพลาเลย..
ก็จบแค่นี้.... สวัสดี
ข้อมูลเพิ่มเติม
- [แกะกล่อง ดองต่อ] ดาวตกทะยานฟ้าฟันฝ่าทุกอุปสรรค์ ASW-G-64 Gundam Flauros [Ryusei-Go] โดย Naroki เจ้าเก่า
- HG IBO ガンダムフラウロス(流星号) รีวิวโดย Hobby no Toriko (ญี่ปุ่น)
- HG ガンダムフラウロス(流星号) レビュー รีวิวแบบติดแต่สติ๊กเกอร์ตา โดย schizophonic9 (ญี่ปุ่น)
- [คลิป] ต่อให้ดูทุกขั้นตอน (พร้อมตัดเส้นพ่นเคลือบ) โดย BUILDERs TV
- [คลิป] รีวิวภาษาอังกฤษ โดย Mecha Gaikotsu
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น