[ดองเกือบปีแล้วรีวิว] จอย 8BitDo Pro 2 Wired (มีสาย)

จำได้ว่าตอนซื้อจอยนี้มาใหม่ ๆ ผมโพสต์ในทวิตเตอร์ว่า เอ็นทรี่รีวิวจะมาเร็วกว่าตัวก่อน ๆ (ที่ต้องรอ 3 เดือน) รอไม่นานแน่นอน  แต่เผลอแป๊บเดียวมันจะครบปีแล้ว (ซื้อมาตอน 8 มิถุนายน 2023 😅) 

ที่มาของการซื้อจอยตัวนี้ก็คือ ผมแกะจอย 8BitDo ตัวก่อนมาทำความสะอาด (อ่านเรื่องจอยตัวก่อนตอนยังไม่ได้แกะได้ที่นี่) แล้วเกิดเหตุผิดพลาดทำให้แกนยึดปุ่ม L/R มันหัก ซึ่งแกนตรงนี้หักไปก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานเพราะกรอบจอยมันก็ช่วยล็อคปุ่ม L/R ให้อยู่กับที่อยู่แล้ว ไม่มีจม ไม่มีหลุด เพียงแต่ถ้าเอานิ้วไปดัน ๆ มันจะโยกแกร็ก ๆ ได้นิดหน่อย ทำให้รู้สึกมันไม่เฟิร์ม 😅 แล้วจอย DS4 อนาล็อคขวามันก็ดริฟท์แล้ว ก็เลยตัดสินใจซื้อจอยมาอีกตัวดีกว่า เผื่อเพื่อนมาเล่นที่บ้านงี้



แกะกล่องกันเลย..เถิด

จอย Pro 2 Wired หรือ Pro 2 รุ่นมีสาย จะถูกวางไว้ให้เป็นจอยรุ่นประหยัด ราคาไม่เกิน 1000 บาท ซึ่งจะถูกกว่ารุ่น Pro 2 แบบไร้สายราว ๆ 500 บาทเลยทีเดียว โดยจะมีพี่น้องอีกตัวคือ SN30 Pro USB หรือรุ่นไม่มีขาแบบมีสายนั่นเอง โดยราคาตัวไม่มีขาจะถูกกว่าราว ๆ 100 บาท และจะไม่มีอนาล็อกทริกเกอร์ (ปุ่ม L2/R2 แบบกดไล่ระดับหนักเบาได้) ดังนั้นถ้าไม่ใช่เพราะชอบหน้าตาจริง ๆ ก็ยอมเพิ่มอีกร้อยดีกว่า 

และเพราะมันเป็นรุ่นประหยัด กล่องก็เลยลดความพรีเมี่ยมจากตัวก่อนพอสมควร จะไม่ได้มาในรูปแบบปลอกสวมทับกล่องกระดาษแข็งบุพลาสติกอย่างดีแล้ว กลายเป็นกล่องชั้นเดียวจบ มีเยินนิด ๆ อีกต่างหาก  โดยจอยรุ่นหลัง ๆ เหมือนจะใช้กล่องแบบนี้แทนหมดแล้ว ยกเว้นรุ่นที่พรีเมี่ยมจริง ๆ จะยังเป็นปลอกสวมอยู่

สภาพเยินที่ว่า ฝาจะกระเดิดนิด ๆ รอยพับก็ไม่เนียนเพราะคุณภาพกระดาษลดลงนั่นแหละ ข้างหลังกล่องจะระบุว่าสายยาว 3 เมตร ซึ่งอันนี้สายก็ยาว 3 เมตรจริง แต่บนเว็บตอนนี้ระบุว่า 1.8 เมตรนะ ไม่รู้พิมพ์ผิดหรือล็อตหลัง ๆ ลดความยาวสาย (ซึ่งกับ PC ผมว่า 1.8 เมตรดีกว่านะ 3 เมตรมันยาวเกะกะมากเลย เหมาะนั่งเล่นหน้าทีวีมากกว่า) 

แกะกล่องมาจะมีเพียงกระดาษลังล็อคตัวจอยไว้ ไม่มีกล่องหรูฝายก ไม่มีพลาสติกรองจอย หรือแม้แต่พลาสติกใสปิดหน้าจอยกันฝุ่นก็ไม่มี เหลือแค่พลาสติกใสบาง ๆ แปะหน้าปุ่ม ABXY กันขีดข่วนไว้ เอ้า ก็ถือว่ารักษ์โลกล่ะมั้ง

หน้าตาจอยก็แบบนี้ ตอนแรกผมสั่งสีเกมบอยไป (ปุ่มม่วงเข้ม) แต่ส่งมากลับเป็นสี Grey (ซึ่งจริง ๆ ก็คือสีจอยเครื่องเพลย์นั่นแหละ แต่สีที่ปุ่มเรียงไม่ตรงกันนะ) คราวก่อนก็สั่งรุ่นปุ่มสีม่วงแต่ของมีปัญหากล่องขาด (ร้านโทรมาบอก) เลยขอร้านเปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อไหร่จะได้สีตรงตามความต้องการจริง ๆ ซะที 😅   รุ่น Pro 2 จะมีปุ่มด้านหน้าเพิ่มมาปุ่มนึงคือปุ่มสลับโปรไฟล์ โดยตั้งได้ 3 โปรไฟล์ + ปิดโปรไฟล์ มีไฟบอกด้วยว่ากำลังเปิดโปรไฟล์ไหน

D-Pad มีการปรับปรุงจากรุ่น Pro+ เล็กน้อย คือไม่มีการตีเส้นกรอบรอบ ๆ แล้ว และยังลดช่องว่างรอบ ๆ ปุ่มลงด้วย ทำให้ปัญหาปุ่มขวาจมเพราะเลื่อนไปชิดขวาเกินไปไม่มีให้เห็นแล้ว คือแน่นดีมากไม่ก๊อกแก๊ก

รุ่นสี Grey จะเป็นสีเดียวที่สกรีนตัวอักษรไว้บนปุ่มแบบนี้ รุ่นสีอื่น ๆ จะสกรีนไว้ข้างปุ่มแทน ซึ่งแบบนั้นดีกว่าเพราะเวลาเผลอก้มมองปุ่มมันจะไม่ค่อยเห็น แต่พอสกรีนชัด ๆ บนปุ่มแบบนี้ ทำเอาผมกด A กับ B สลับกันหลายรอบละ โดยเฉพาะเกมที่ให้ B ตกลง A ยกเลิกเนี่ย  ด้านสัมผัสปุ่มกดตรงนี้ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน

เนื่องจากเป็นรุ่นมีสาย สายก็จะติดตายแบบนี้เลย ไม่มีพอร์ต Type-C ไม่มีปุ่ม Pair ใด ๆ ปุ่ม L/R (ซึ่งเป็นประเด็นให้ซื้อ) ก็แน่นดีไม่โยกก็อกแก็ก R2/L2 เหมือนจะมีแรงต้านน้อยกว่าตัวก่อนนะ

ด้านหลัง เนื่องจากเป็นรุ่น Pro 2 ก็เลยจะมีปุ่ม Paddle P1/P2 ซึ่งสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของ 8BitDo ตั้งได้ว่าจะให้เป็นปุ่มอะไร หรือจะให้เป็นปุ่มมาโครก็ได้  สำหรับผมหรือหลาย ๆ คนก็น่าจะตั้งเป็นปุ่ม L3/R3 ล่ะนะ โดยเฉพาะพวกเกมที่ชอบให้ใช้ L3 เป็นปุ่มวิ่งเนี่ยกดลำบากมาก ๆ พอตั้งเป็นปุ่มข้างหลังแล้วสะดวกขึ้นเยอะ  ถ้าถามว่าแล้วตำแหน่งนี้จะเผลอไปกดโดยไม่ตั้งใจมั้ย ก็เผลอไปโดนได้นะ โดยเฉพาะตอนเล่นเกม Fighting จะไปโดนบ่อยมาก แต่มันก็ปิดได้ไง แค่กดปิดโปรไฟล์ไอ้ตรงนี้ก็จะกลายเป็นปุ่มเปล่า ๆ แล้ว

ด้านล่างนี่จริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะมันก็มีแค่ไฟแสดงลำดับจอย (ไม่ได้ใช้แสดงโหมดการเชื่อมต่อแล้ว เพราะเสียบสายทีเดียวจบ) แต่มันเป็นมุมที่ทำให้เห็นได้ชัดสุดว่าจอยมันเป็นสีทูโทน และซีกล่างยังทำเป็นเท็กซ์เจอร์ให้จับสบายมือยิ่งขึ้นด้วย

วางเทียบกับ Pro+ ตัวเก่า (ที่เขรอะแล้ว) นอกจากเรื่องสีกับสกรีนปุ่มจะเห็นจุดต่างหลายอย่าง เช่น เส้นขอบรอบ D-Pad และ ... ปุ่ม Select กับ Start ไม่ตรงกัน ของ Pro 2 มันจะเยื้องไปทางขวามากกว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะว่ารุ่นเก่าเขายึดที่จุดกึ่งกลางระหว่าง D-Pad กับปุ่ม ABXY แต่ Pro 2 จะอิงจุดกึ่งกลางจากอนาล็อกซ้ายขวาแทนนะ คิดว่าแบบไหนจะรบกวนจิตใจ Perfectionist มากกว่ากันล่ะ 😅



จุดแตกต่างกับ Pro 2 แบบไร้สาย

ข้างบนแทรกการเทียบกับรุ่น Pro+ ไปแล้ว แต่ถ้าเทียบกับ Pro 2 แบบไร้สายล่ะ?  นอกจากการไม่มีวงจรไร้สาย ไม่มีแบตเตอรี่ และสายติดตายแล้ว รุ่นไร้สายกับมีสายก็ยังมีความต่างกันอยู่ คือ

  1. ไม่มีปุ่มเลือกโหมดจอย: ข้างหลัง Pro 2 แบบไร้สายจะมีสวิตช์เลือกโหมด Nintendo Switch, Android, D-input และ X-input แต่รุ่นมีสายจะตัดทิ้งไป เพราะเสียบเครื่องไหนมันก็ปรับโหมดตามเครื่องนั้นอยู่แล้ว แต่จริง ๆ ก็มีวิธีบังคับเป็นโหมด D-input อยู่ โดยใช้วิธีเก่าแก่อย่าง กด B (ตามที่สกรีนบนจอย) ค้างไว้แล้วเสียบสาย  แน่นอน กด X ค้างแล้วเสียบสายก็เป็นการบังคับเป็น X-input เช่นกัน  แต่ไม่มีโหมดอื่นนอกจากนี้แล้ว
  2. ไม่มีไจโร (Motion Control): ดูเหมือนจอยมีสายทุกตัวของ 8BitDo จะตัดอันนี้ทิ้งหมด คงเพราะการมีสายมันรบกวนการเอียงจอยล่ะมั้ง



สรุปการใช้งาน

จริง ๆ โดยรวมมันก็เหมือน Pro+ นั่นแหละ แต่ผมรู้ดีว่าคนที่หลงเข้ามาอ่านที่นี่ไม่ย้อนกลับไปอ่านเอ็นทรี่เก่าหรอก ดังนั้นมาสรุปกันอีกที

  • D-Pad: แน่นอนว่ายังคงดีงาม แถมแน่นกว่าเดิมไม่เลื่อนก็อกแก็ก เอาไว้ใช้เล่นเกมแนว Retro ได้ดีเยี่ยม (แต่ส่วนตัวก็ยังให้ D-pad แบบ DualShock เป็นที่สุดอยู่)
  • ปุ่ม ABXY: จะเรียงตามแบบจอยนินเทนโด แต่เวลาใช้จริงใน PC จะเรียงแบบ Xbox การมีสกรีนปุ่มเด่นชัดทำให้เวลาเผลอก้มไปมองอาจสับสนได้ ส่วนสัมผัสมันก็ปุ่มกดยางทั่วไป
  • อนาล็อก: ยังคงเหมือนเดิม แต่รู้สึกแรงต้านจะน้อยลงกว่าตัวก่อน ความละเอียดใช้ได้ ใครเอาไปเล่น FPS ก็ถือว่าพอไปวัดไปวา (คือ คุณต้องใช้จอยเล่น FPS เก่งอยู่แล้วนะ)
  • L/R: หนึบ ๆ ดี ใช้เป็นปุ่ม Dash ในเกมร็อคแมนได้ไม่ติดขัด
  • L2/R2: รู้สึกแข็งแรงดี แต่คงไม่เท่าจอย Xbox แรงต้านไม่เยอะมาก น้อยกว่าจอยตัวก่อนอีก
  • Select/Start: อันนี้จะมีปัญหานิดนึง ที่ไม่เจอในตัวก่อน (เกี่ยวกับเลื่อนตำแหน่งรึเปล่านะ😅) คือถ้ากดริม ๆ ปุ่มมันจะกดไม่ติด หรือบางทีกดริม ๆ แล้วปุ่มจะจม แต่จะเด้งขึ้นมาเองทันที และตอนจมมันก็ไม่นับว่ากดอยู่นะ ทางแก้ก็ไม่มีอะไรนอกจากฝึกกดแบบเต็ม ๆ ปุ่มนั่นแหละ 
  • สาย: ยาว 3 เมตร ยาวโคตร ๆ ผมนี่เสียบกับ USB Hub ที่วางไว้ด้านขวาของโต๊ะแล้วต้องลากสายอ้อมหลังจอมอนิเตอร์ไปทางซ้าย ปล่อยสายห้อยข้างโต๊ะราว ๆ เมตรนึง แล้วยกจอยมาวางกลางโต๊ะ อ้อ ด้วยความที่สายมันยาวมาก ๆ อยู่แล้ว ก็แนะนำว่าไม่ควรเสียบกับ USB Hub หรือสาย Extension ที่ยาวเกิน 1 เมตรจะดีที่สุด (ถ้าพอร์ตที่หลังเคสเหลือก็เสียบที่นั่นเลย) ไม่งั้นเหมือนมันจะมีความหน่วงอยู่ครับ ผมลองเสียบกับสาย Extension ยาว 1.8 เมตรแล้วก็ไม่รู้หรอกว่ามันหน่วง จนไปเล่นเกมแนว Fighting แล้วกดท่าไม่ค่อยติดนี่แหละ (ไม่รู้มันเกี่ยวกันมั้ย แต่พอเปลี่ยนมาเสียบ USB Hub ที่สายยาว 50 ซม. ก็กดคล่องเลย) 

คราวนี้ไม่พูดถึง Ultimate Software ที่ใช้ปรับแต่งกับการอัพเดตเฟิร์มแวร์นะ มันซ้ำกับคราวก่อนน่ะแหละ เดี๋ยวจะเยอะเกิน เพราะมีเนื้อหาแถมอีกหน่อย



จอยรุ่นอื่น ๆ ของ 8BitDo ที่น่าสนใจ

เอาจริง ๆ หลังเขียนรีวิวจอย Pro+ คราวก่อนไม่นาน ทาง 8BitDo ก็ลุยออกจอยใหม่เรื่อย ๆ แล้วหลังจากผมซื้อจอยที่รีวิวอันนี้ ก็ยังคงออกจอยรุ่นใหม่ให้เสียดายที่รีบซื้อมาอีกเพียบ  เพื่อไม่ให้ใครที่หลงมาอ่านตัดสินใจซื้อรุ่นนี้แล้วไปเจอรุ่นที่ตรงใจกว่าทีหลัง ก็ขอแนะนำจอยบางส่วนที่ออกมาขณะเขียนอยู่นี้ (พฤษภาคม 2024) ให้เลือกตัดสินใจกัน แต่แนะนำคร่าว ๆ พอนะ


Pro 2 Wired Controller for Xbox

มันก็เหมือนจอยที่รีวิววันนี้แหละ เพียงแต่มีการเพิ่มปุ่ม Share ปุ่ม Xbox รูเสียบหูฟัง 3.5 mm. และมี Vibration Trigger หรือระบบสั่นเวลากดทริกเกอร์ เดิมจอยรุ่นนี้จะมีแค่สีดำและสายเป็นแบบติดตาย แต่ล่าสุดจอยรุ่นนี้เพิ่งอัพเกรดให้ถอดสายได้ (แต่ก็ยังต้องเสียบสายเวลาใช้นะ) แถมยังเปลี่ยนไปใช้ Hall Effect joysticks หรืออนาล็อกแบบเซ็นเซอร์แม่เหล็กที่ไม่มีปัญหาเรื่องการดริฟท์  แต่ตอนที่เขียนอยู่นี่ร้านในไทยน่าจะยังมีรุ่นเดิมค้างสต็อกอยู่ เวลาซื้อดูก่อนนะครับว่าเป็นรุ่นอัพเกรดรึยัง



จอยตระกูล Ultimate 

หลังจากปล่อยให้ตระกูล Pro เป็นตัวหลักมานาน ในที่สุดทาง 8BitDo ก็เปิดซีรี่ส์ใหม่คือตระกูล Ultimate ที่ออกมาหลายรุ่นชวนงงสุด ๆ โดยจุดเด่นของตระกูลนี้ก็คือวางอนาล็อกแบบจอย Xbox ซะที ก็ไล่รุ่นคร่าว ๆ ได้ตามนี้

  • Ultimate Bluetooth: รุ่นท็อปสุดในตอนนี้ เรียงปุ่ม ABXY แบบนินเทนโด เชื่อมต่อได้ทั้งบลูทูธ ตัวรับสัญญาณ 2.4 GHz และเสียบสาย มี Dock ชาร์จไฟและตัวรับสัญญาณ 2.4 GHz ให้ด้วย เป็นรุ่นแรกที่เริ่มนำ Hall Effect joysticks มาใช้
  • Ultimate 2.4G: ก็ตามชื่อคือตัดบลูทูธไปแล้วให้เชื่อมต่อแบบ Wireless 2.4 GHz ผ่านตัวรับสัญญาณที่มีมาให้เท่านั้น (เสียบสายก็ได้) มี Dock ชาร์จไฟให้ และที่เจ๋งคือปุ่ม ABXY จะเรียงแบบ Xbox แล้ว (น่าจะเพราะรุ่นนี้ไม่รองรับ Nintendo Switch ครับ) ล่าสุดรุ่นนี้ก็อัพเกรดให้ใช้ Hall Effect joysticks แล้ว แต่ก็เช่นเคย ยังมีรุ่นเก่าเหลือในสต็อกอยู่ หากอยากแน่ใจว่าได้รุ่นที่มี Hall Effect joysticks แน่ ๆ ก็ต้องหาตัวสีม่วงที่ออกมาใหม่แหละครับ
  • Ultimate Wired Controller: มันจะเหมือน Ultimate 2.4G เลย แต่เป็นแบบมีสาย เลยไม่ต้องมีตัวรับสัญญาณกับ Dock ชาร์จไฟมาให้ และปุ่ม ABXY ยังเรียงแบบ Xbox อีกด้วย นั่นก็เพราะมันไม่รองรับ Nintendo Switch นั่นแหละ
  • Ultimate Wired Controller for Xbox: อันนี้มามุกเดียวกับ Pro 2 Wired Controller for Xbox เลยครับ คือเอา Ultimate แบบมีสายมาเพิ่มปุ่มและอะไร ๆ ที่มีเฉพาะรุ่น Xbox มา ล่าสุดมีการอัพเกรดให้ถอดสายได้และใช้ Hall Effect joysticks แล้ว ตอนซื้อก็ต้องดูดี ๆ ตามเคยว่าเก่าหรือใหม่
  • Ultimate 3-Mode Controller for Xbox: รุ่นล่าสุดในตระกูล for Xbox ที่จะมีกำหนดออกเดือนมิถุนายน 2024 รุ่นนี้อาจจะงง ๆ นิดนึง คือมันเชื่อมต่อได้ทั้งบลูทูธ 2.4G และ เสียบสาย แต่ว่าการเชื่อมต่อแต่ละแบบจะแยกคนละระบบ โดย Xbox จะต้องใช้การเสียบสายเท่านั้น Windows จะได้ทั้งเสียบสายและ 2.4G ส่วนบลูทูธจะใช้เชื่อมต่อกับ Android  เนื่องจากออกมาใหม่ รุ่นนี้เลยใช้ Hall Effect joysticks แน่นอน แล้วยังอัพเกรดให้ D-pad กับปุ่ม LB/RB ใช้ไมโครสวิตช์แทนปุ่มยางด้วย



จอยตระกูล Ultimate C

ตระกูลนี้คือมาหลังจอยที่รีวิวในวันนี้ (คือตอนซื้อมันออกแล้ว แต่ยังไม่มีร้านเอามาขาย) เป็นการเอา Ultimate มาตัดฟีเจอร์บางอย่างให้ราคาถูกลงมาก ๆ ถูกแบบลงไปสูสีกับจอย Lo****ch ในตำนานเลย และจอยมักจะมาในสีแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ คือไปแนวพาสเทล (แต่รุ่นหลัง ๆ เริ่มมีสีเท่แล้ว) ส่วนฟีเจอร์ที่ตัดทิ้งหลัก ๆ ก็คือ ไม่สามารถปรับแต่งด้วย Ultimate Software ได้ และไม่มีปุ่ม Paddle ด้านหลังแบบที่ Ultimate รุ่นปกติเขามีกัน ก็ไล่รุ่นไปดังนี้

  • Ultimate C 2.4G Wireless Controller: ก็คือเชื่อมต่อผ่านตัวรับสัญญาณ USB ที่มีมาให้ด้วย เสียบสายได้ ซึ่งก็เอาไว้เสียบชาร์จด้วยเพราะไม่มี Dock ให้ ตอนแรกออกมามีสีเขียวพาสเทลกับม่วงพาสเทล ปุ่ม ABXY จะเรียงแบบ Xbox
  • Ultimate C Wired Controller: ก็ตัวตะกี้แหละแต่มีสาย เหมือนกระทั่งสี ออกมาขายพร้อมกันด้วย แน่นอนว่าถูกกว่าไร้สาย แต่ร้านเจ้าประจำผมไม่ยอมเอามาขายแฮะ เอามาแต่ Ultimate C ไร้สาย
  • Ultimate C Bluetooth Controller: สีสวยกว่า 2 ตัวตะกี้ คือ ชมพู ฟ้า ส้ม พาสเทลหมด เชื่อมต่อผ่านบลูทูธและเสียบสาย ไม่มี 2.4G และใช้ได้กับ Nintendo Switch เท่านั้น และด้วยความที่รองรับเฉพาะ NS นี่แหละ ทำให้มันไม่มีอนาล็อกทริกเกอร์ (เพราะ NS ไม่มีอยู่แล้ว)
  • Ultimate C Wired Controller for Xbox: รุ่นล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ ก็เป็นรุ่นตามภาพข้างบนเลย สีเท่ขึ้นมาแล้ว มีส้มแปร๊ด เขียวขี้ม้า และดำเทา ๆ มีไฟ RGB ที่เลือกโหมดได้ ใช้ Hall Effect joysticks  D-Pad กับ RB/LB เป็นไมโครสวิตช์ มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 แน่นอนตามชื่อว่ามันเป็นแบบเสียบสาย ใช้ได้กับ Xbox และ Windows ราคาแพงหน่อยแต่ยังอยู่ในโซนถูกกว่า Ultimate ปกติ (พวกไม่ C) ราว ๆ พันต้น ๆ 



ส่งท้าย

ก็จบซะทีกับการดองเกือบ 11 เดือน แบบดองจนรุ่นใหม่ ๆ มันออกมาเยอะแยะขนาดนั้นเลยนะ (ใช่ ไอ้ที่เขียนตอนท้ายคือพวกที่ออกหลังตัวที่รีวิวนี่ทั้งนั้น) จริง ๆ ยังมีตกหล่นอีกหลายรุ่น เช่น จอยโยก จอย NeoGeo จอย MegaDrive หรือแม้แต่ Mechanical Keyboard  แล้วยังมีพวกลายพวกสีลิมิเต็ดอีก (แต่ยังขายไม่หมด😅) เรียกว่า 8BitDo เขาท็อปฟอร์มจริง ๆ  เมื่อไหร่จะมาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการนะ



เอ็นทรี่ที่เกี่ยวข้อง


เว็บที่เกี่ยวข้อง




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

RPG Maker VX Ace กับภาษาไทย

RPG Maker MV มีดีอะไร แล้วภาษาไทยล่ะ?

[ลอง 3 เดือนนิด ๆ แล้วรีวิว] จอย 8BitDo SN30 Pro+

RPG Maker MZ สอยดีมั้ย ภาษาไทยปกติรึเปล่า?

เก็บตก RPG Maker MV ฉบับลองใช้จริง.....

เล่นแล้วมาเล่า... Torchlight 2 ตัวจริงเต็ม ๆ !!

เก็บตก Torchlight 2

อัพแล้วเป็นไง Windows 11 ver. 24H2

กลเม็ดเคล็ดลับ FarmVille 2 (ตอนที่ 1)